หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดดีขึ้น ประชาชนกลับมาใช่ชีวิตตามปกติมากขึ้น แต่พบว่าพฤติกรรมการซื้อสินค้าต่างๆเปลี่ยนไป นิยมความสะดวกสบาย ใช้ง่าย จ่ายคล่อง เช่น ซื้อผ่านทางออนไลน์ หรือ ซื้อผ่านตู้จำหน่ายสินค้า โดยบริษัทอำพลฟูดส์ ถือเป็นอีก 1 ธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าแปรรูปทางการเกษตรหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นวันนี้จึงต้องมีการปรับตัว นายเกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการกลุ่มอำพลฟูดส์ ได้แถลงแผนการกลยุทธ์และนโยบายธุรกิจปี 2023 เพื่อกระตุ้นศักยภาพตัวแทนธุรกิจพร้อมเปิดตัวสินค้า พันธมิตร และธุรกิจใหม่
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า อำพลฟูดส์ เดิมเป็นธุรกิจจำหน่ายจากพื้นที่ ผลิตเอง ขายเอง แต่ขณะนี้เราเริ่มมุ่งสู่บริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายแล้ว โดยมีพันธมิตรหลายรายที่เข้าร่วม ยอดขายปีที่แล้วเกือบ 4 พันล้านบาท สามารถขยายสาขาร้านค้าไปได้ต่อเนื่อง มากถึง 300,000 ราย ด้วยศูนย์กระจายสินค้ากว่า 75 สาขาทั่วประเทศ และศักยภาพด้านการส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลกกว่า 80 ประเทศ โดยมีจุดแข็งและจุดแตกต่างจากที่อื่นทั่วไป คือ จะเข้ามาดูแลเรื่อง SMEs ช่วยตั้งแต่เริ่มต้นและร่วมกันพัฒนาโรงงาน ให้ความรู้เรื่องกระบวนการผลิต ทำให้อำพลฟูดส์มุ่งสู่การเป็นธุรกิจตัวแทนจำหน่ายอย่างเต็มตัวและพร้อมทุกด้าน
วันนี้ธุรกิจอำพลฟูดส์เดินทางเข้าสู่ปีที่ 35 แล้ว สะสมองค์ความรู้ในเรื่องของการจัดการโรงงาน การขาย และวันนี้ประเทศเรามี SMEs ถึง 96% แต่ผู้ประกอบการเหล่านี้่ยังต้องการพี่เลี้ยงที่จะทำให้สามารถเติบโตไปได้ ฉะนั้นอำพลฟูดส์ อยากคืนกำไรสู่สังคมและประเทศชาติ จึงได้ร่วมกับ คณะวิทยพัฒน์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พัฒนาหลักสูตร “UTCC Food Works” มอบความรู้ให้กับผู้ที่สนใจ เข้าใจว่า การสร้างสินค้ามีขั้นตอนอย่างไร มองหาตลาดหรือช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งหลักสูตรดังกล่าว จะได้รับฟังประสบการณ์โดยตรงจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งอาจได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอำพลฟูดส์ด้วย รายใหม่ที่เข้าร่วมอยากให้มาด้วยความจริงใจ เรียนรู้ไปด้วยกัน ไม่อยากให้มุ่งหวังว่าเอาสินค้ามาให้เราและเป็นหน้าที่เราในการขายอย่างเดียวเท่านั้น
สำหรับสินค้าของอำพลฟูดส์ พยายามมองนอกเหนือจากความอร่อย คือ เรื่องสุขภาพ ที่ใช้โซเดียมต่ำ น้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ หรือ สินค้าทางการเกษตรของไทย เช่น น้ำนมข้าว หากเมื่อไหร่ที่ทั่วโลกนิยม ผู้ได้ประโยชน์ คือ ผู้บริโภค และ เกษตรกร ในการเพิ่มคุณค่าวัตถุดิบสินค้าของชาวไทยด้วย รวมทั้งยังได้เปิดตัวสินค้าใหม่ ได้แก่ กะทิสูตรผสมน้ำมะพร้าว ตราชาวเกาะ ,ซอสกะปิกุ้งเคย ตรารอยไทย ,น้ำปลาร้าปรุงรส สูตรลดโซเดียม ตรากู๊ดไรฟ์ และซอสปรุงรสอเนกประสงค์จากมะพร้าว ตราคิงไอแลนด์ รวมถึงเสริมทัพด้วย แบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก และ SMEs ที่พร้อมเติบโต อาทิ เครื่องดื่มรสนมกลิ่นผลไม้ ตรายังฟัน โดย อีลี่ กรุ๊ป บริษัทนมอันดับ 1 ของเอเชีย ,เครื่องดื่มโคล่า ตราอาร์ซี ,เครื่องดื่มรสน้ำผึ้งมะนาวโซดา ตราแม็กซี่ ,สาหร่ายอบกรอบ ตราแดซอง ,กะปิกุ้งเคยแท้ ตราหลวงไก่,น้ำปลาร้าต้มสุกยูเอชที รายแรกของไทย ตราเอ็มทีบายแม่ตุ๊ก ,เครื่องเทศและสมุนไพร ตราปราชญา และ น้ำผึ้งผสมน้ำผลไม้ ตรา ฮันนี่
นอกจากนั้น ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปมาก ไม่เพียงแค่การเลือกซื้อสินค้าบนช่องทางออนไลน์เท่านั้น การซื้อสินค้าในรูปแบบ Self Service ผ่านตู้เวนดิ้งแมชชีนยังเติบโตสูงขึ้นเช่นกัน ดังนั้น เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค อำพลฟูดส์ เปิดตัวธุรกิจใหม่จำหน่ายสินค้าผ่านตู้เวนดิ้งแมชชีน ภายใต้แบรนด์ “G Vending” จัดจำหน่ายสินค้าในเครืออำพลฟูดส์ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ พนักงานออฟฟิศ นักศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยได้ร่วมมือกับ บริษัท เวนดิ้ง พลัส จำกัด บริษัทในเครือ SABUY Tech ผู้ผลิตตู้เวนดิ้งแมชชีนรายใหญ่ของประเทศไทย เบื้องต้น กำหนดให้มีสินค้าในตู้ G Vending จำนวน 500-1000 ตู้ จากทั้งหมด 7,000 ตู้ทั่วประเทศ
ส่วนกระแสดราม่า เรื่องการใช้แรงงานลิงอย่างทารุณกรรมในอุตสาหกรรมมะพร้าวของประเทศไทย ยืนยันว่า อำพลฟูดส์ ร่วมมือกับมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า (WFFT) ให้ความช่วยเหลือลิงกังที่บาดเจ็บ ถูกทำร้าย ได้รับการทารุณกรรม หรือถูกทอดทิ้งในประเทศไทย รวมถึงให้การส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีกับลิง พร้อมให้ความรู้ด้านสวัสดิภาพสัตว์แก่เกษตรกร พร้อมจัดหารายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ตรา มังกี้ ไอส์แลนด์ เพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว
ในด้านสิ่งแวดล้อม อำพลฟูดส์ ใช้หลักโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน BCG Model ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มโดยมุ่งเน้นการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า และการนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบวัสดุรีไซเคิล โดยพัฒนาควบคู่กับเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เพื่อรักษาสมดุลทางสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อาทิ โครงการกล่องวิเศษ ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 โดยปัจจุบันสามารถเรียกคืนกล่อง UHT เพื่อนำมารีไซเคิลเป็นโต๊ะ - เก้าอี้นักเรียน ได้แล้วกว่า 28 ล้านชิ้น บริจาคโต๊ะ – เก้าอี้นักเรียนไปแล้วกว่า 10,000 ชุด ส่งมอบสู่โรงเรียนที่ขาดแคลนกว่า 170 โรงเรียน อีกทั้งการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาคีเครือข่าย การส่งเสริมการจัดการบรรจุภัณฑ์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยหลักการ EPR โดยสภาอุตสาหกรรม เพื่อจัดการกับขยะจากบรรจุภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน
#35ปีอำพลฟูดส์
#GoodLifeForYouFunFair