หลายประเทศในยุโรปประกาศให้ประชาชนเพิ่มการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย และรณรงค์ให้ประชาชนออกไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น
โดยในช่วงระหว่างวันที่ 10 ถึง 16 ตุลาคม 2565 กรีซมีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 55,242 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า และร้อยละ 21 ของผู้ป่วยระลอกล่าสุดนี้ คือการติดเชื้อซ้ำ
มีผู้ป่วยซึ่งมีอาการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน
ในเนเธอร์แลนด์ จำนวนผู้ป่วยโควิดที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่ฟินแลนด์ มีสถิติการเสียชีวิตจากโควิด สูงกว่าค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรปถึง 5 เท่า
ในแถลงการณ์ของหน่วยงานสุขภาพของสหภาพยุโรป ระบุว่า แม้ตัวเลขต่าง ๆ จะน้อยกว่าในช่วงที่มีการระบาดสูงสุด แต่ก็เป็นการยืนยันชัดเจนว่าการระบาดของโควิด-19 ยังไม่สิ้นสุด จึงควรมีการดำเนินมาตรการป้องกัน และการเตรียมความพร้อม
นพ.ฮานส์ คลูก ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป (European Center for Disease Prevention and Control : ECDC) เรียกร้องให้ภูมิภาคยุโรป เพิ่มการป้องกันตนเองเพราะการแพร่ระบาดร่วมของโควิด-19 กับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจะทำให้ผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแอมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต โดยย้ำว่า มาตรการด้านสาธารณสุข และการฉีดวัคซีนยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการต่อต้านไวรัสทั้ง 2 ชนิด จึงขอให้ประเทศต่างๆ ปกป้องกลุ่มเสี่ยงที่สุดด้วยการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และโควิด-19
เมื่อวันจันทร์ (20 ต.ค.) กระทรวงสาธารณสุขของอิตาลีแนะนำให้ใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ชนิดไบวาเลนต์ ซึ่งเป็นชนิดใหม่สำหรับการฉีดกระตุ้นครั้งที่ 3 สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง ซึ่งควรได้รับวัคซีน 120 วันหลังจากการได้รับวัคซีนครั้งที่ 2 การฉีดกระตุ้นครั้งที่ 3 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปี ผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแอที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และผู้อยู่อาศัยในบ้านพักคนชรา
ในเบลเยียม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประกาศมาตรการป้องกันโควิดระลอกใหม่ โดยเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนกระตุ้น และการกลับมาสวมหน้ากากอนามัยในบางสถานที่ รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
…..
#โควิดยุโรป