กรณีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ตรวจมาตรฐานความปลอดภัยของกรมการบินพลเรือน ทำให้ญี่ปุ่นระงับการอนุญาตเพิ่มเที่ยวบินของไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมใช้อำนาจตามมาตรา 44 ซึ่งในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถสั่งการตามกฎหมายได้ทุกเรื่อง โดยจะมีการสั่งให้ตั้งคณะกรรมการพิเศษ 1 ชุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแก้ไขข้อบกพร่องของกรมการบินพลเรือนให้เป็นไปตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ กำหนด อย่างไรก็ตาม หากเรื่องดังกล่าวยังไม่สามารถแก้ปัญหาให้เป็นที่พอใจขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และจะมีมาตรการออกมาเพิ่มก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องความปลอดภัย หากการผ่อนผันทำให้เกิดอุบัติเหตุใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ นายกฯ ระบุว่า ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศสิงคโปร์ได้มีการพบปะกับนายกฯ ญี่ปุ่นและประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้มีการพดคุยเรื่องดังกล่าว โดยผู้นำทั้ง 2 ประเทศรับทราบและจะนำเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาตามกฎหมายของแต่ละประเทศ ยืนยันว่าจะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการทัวร์ท่องเที่ยวที่มีการรับจองแล้ว
ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ เตือนมาตั้งแต่ปี 2548 เกี่ยวกับระบบการทำงานและการจัดการของกรมการบินของไทยที่ดูแลเกี่ยวกับการให้บริการทั้งหมด โดยขอให้เราปรับปรุงการบริหารงานและบุคคลากรของกรมการบินใหม่ เพราะเรายังใช้ระบบเก่า ยังไม่เป็นสากล และเมื่อกระทรวงได้รับเรื่องก็เร่งปรับปรุงแก้ไขและจัดทำแผนปรับปรุงงานทางด้านนี้ใหม่หมด และเพิ่งส่งแผนให้พิจารณาไปเมื่อวันที่ 2 มี.ค.นี้เอง โดยตามหลักการดำเนินการเขาให้เวลา 90 วัน ซึ่งยังไม่ครบ แต่ส่งไปก่อน และเมื่อองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ดูแล้วก็ขอให้ปรับเพิ่มอีก ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเพิ่มเติม พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมปล่อยมาเนิ่นนานขนาดนี้ แต่พอจะทราบเรื่องมาบ้าง ถึงสิ่งที่ผ่านมา และกรมการบินของไทยก็พยายามปรับปรุง แต่ดูเหมือนไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร และงบประมาณที่กรมการบินได้รับก็จำกัด จึงทำอะไรได้ไม่มาก จึงทำให้เรื่องนี้ค้างมานาน