ไอเอ็มเอฟ แนะออกมาตรการที่สมเหตุสมผล แก้ไขปัญหาค่าเงินผันผวน

          หน่วยงานกำหนดนโยบายของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ (International Monetary Fund : IMF) เรียกร้องให้มี "การสื่อสารที่ชัดเจน" เกี่ยวกับนโยบายการเงินท่ามกลางความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น เมื่อธนาคารกลางของหลายประเทศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อ และทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับเงินเยน และสกุลเงินหลักอื่น ๆ

          ตั้งแต่ต้นปีนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับเยน, ร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับยูโร และร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับสกุลเงินในประเทศตลาดเกิดใหม่

          ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าช่วยให้สหรัฐฯ สามารถตรึงอัตราเงินเฟ้อไว้ได้ เนื่องจากสินค้านำเข้ามีราคาลดลง แต่กระทบประเทศกำลังพัฒนาที่มีต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น และภาระหนี้ที่อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

          โดยในระหว่างการประชุมกับไอเอ็มเอฟที่วอชิงตัน เมื่อวันศุกร์ (14 ต.ค.) นายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับผลกระทบที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน ที่มีต่ออัตราเงินเฟ้อ เงินทุนหมุนเวียน และหนี้สิน และเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม เขากล่าวว่าความผันผวนที่มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงิน

         ไอเอ็มเอฟ แนะนำให้ประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญกับปัจจัยที่ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหว สัญญาณของการหยุดชะงักของตลาด และควรสงวนเงินสำรองระหว่างประเทศไว้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจรุนแรงขึ้นในอนาคต ที่สำคัญคือการปรับใช้นโยบายเศรษฐกิจมหภาคอย่างสมเหตุสมผล มากกว่าการแทรกแซงตลาดค่าเงิน ที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการเคลื่อนไหวของค่าเงินที่กระทบกับเสถียรภาพทางการเงิน หรือขัดขวางความสามารถของธนาคารกลางในการรักษาเสถียรภาพ และควรใช้นโยบายการคลังเพื่อสนับสนุนกลุ่มที่เปราะบางที่สุด โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายเงินเฟ้อ

          การที่หลายประเทศเข้าแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของประเทศตลาดเกิดใหม่ และประเทศกำลังพัฒนา ลดลงไปแล้วมากกว่าร้อยละ 6 ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งไอเอ็มเอฟเตือนให้มีการสงวนทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไว้ เผื่อกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายลงในอนาคต

…

#ไอเอ็มเอฟ

#ค่าเงิน