ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นจีเอ ลงมติด้วยคะแนนเสียง 143 เสียงจากทั้งหมด 193 เสียงประณามรัสเซีย ที่พยายามผนวก 4 ดินแดนของยูเครน โดยระบุว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเป็นการทำให้รัสเซียถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติมากยิ่งขึ้น เพราะแม้ว่าการลงมติในครั้งนี้จะมีลักษณะที่เป็นสัญลักษณ์ คือไม่มีบทลงโทษแต่ก็เป็นการลงมติต่อยูเครนที่มีสมาชิกเห็นด้วยมากที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียบุกรุกยูเครน
ในกลุ่มที่ออกเสียงคัดค้านการออกมติมี 5 ประเทศ คือ รัสเซีย ซีเรีย นิการากัว เกาหลีเหนือ และเบลารุส
และกลุ่มประเทศที่งดออกเสียงมี 35 ประเทศ รวมถึงไทย จีน และอินเดีย
ที่เหลืออีก 10 ประเทศไม่ได้เข้าร่วมการลงมติ
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ทวีตข้อความ ขอบคุณ 143 ประเทศที่สนับสนุนการลงมติครั้งประวัติศาสตร์ และเห็นว่าความพยายามผนวกดินแดนของรัสเซียนั้น “ไร้ค่า” และจะไม่ได้รับการยอมรับในประเทศเสรี
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า การลงมติในครั้งนี้คือข้อความที่ชัดเจนที่สุดที่มีถึงรัสเซีย ว่าไม่สามารถลบประเทศใดๆ ออกจากแผนที่ได้
ดาม บาร์บารา วูดวาร์ด (Dame Barbara Woodward) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า รัสเซียล้มเหลวทั้งในสนามรบและที่สหประชาชาติ ซึ่งประเทศต่างๆ มีการรวมตัวกันเพื่อปกป้องกฎบัตรสหประชาชาติ และกล่าวว่า ถึงเวลายุติสงครามแล้ว
ด้านนายสุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก กล่าวถึงเหตุผลของไทยที่ตัดสินใจงดออกเสียงว่าในฐานะประเทศขนาดเล็กที่มีอำนาจธิปไตย ประเทศไทยยึดถือกฎบัตรบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศเป็นสำคัญ ประเทศไทยเลือกที่จะงดออกเสียงลงคะแนนต่อข้อมติซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศและมีสถานการณ์ขึ้นลงอย่างรุนแรง ประเทศไทยมีความห่วงกังวลอย่างแท้จริงต่อการแบ่งแยกขั้วทางการเมืองที่สูงขึ้น ไทยจึงต้องการเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายจะต้องลดความขัดแย้งและความรุนแรง พยายามหาสันติวิธี ใช้กลไกทางการทูตเท่านั้นที่จะสามารถนำสันติสุขกลับมาได้จริงและโดยถาวร
...
#สมัชชาสหประชาชาติ
#ผนวกดินแดนยูเครน
CR:กระทรวงการต่างประเทศ Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand