นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในกลางปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ นายไดมอน กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงดูดีในขณะนี้ และผู้บริโภคยังคงมีสถานะที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก แต่การพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ,การดีดตัวของอัตราดอกเบี้ย และการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 6-9 เดือนต่อจากนี้ ขณะที่เศรษฐกิจยุโรป ได้ถดถอยแล้ว
นายไดมอน กล่าวว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าภาวะถดถอยดังกล่าวจะมีระยะเวลานานเท่าใด แต่สิ่งที่แน่ใจคือปัจจัยดังกล่าวจะสร้างความผันผวนในตลาด
ด้านนางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และนายเดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลก กล่าวเตือนเช่นกันว่า เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญภาวะถดถอยในปีหน้า ขณะที่ เงินเฟ้อยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครนเมื่อเดือนก.พ.65
นายมัลพาส แสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และการอ่อนค่าของสกุลเงินในประเทศที่กำลังพัฒนา รวมทั้งเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้น
นางจอร์เจียวา กล่าวว่า IMF จะเน้นย้ำในการประชุมสัปดาห์นี้ให้ธนาคารกลางของชาติต่างๆยังคงใช้ความพยายามสกัดเงินเฟ้อต่อไป แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นางจอร์เจียวา ระบุว่า การใช้มาตรการทางการคลังควรจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น
#เจพีมอร์แกนเชส
#เศรษฐกิจถดถอย
แฟ้มภาพ