บีบีซี รายงานอ้างนายแพทย์เอสพี คาลันตรี (SP Kalantri) หัวหน้าแพทย์ของโรงพยาบาล กาสตูรบา (Kasturba Hospital) ขนาด 1,000 เตียง ในรัฐมหาราษฏระทางตะวันตกของอินเดียว่า แพทย์ของโรงพยาบาลวุ่นอยู่กับการรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก ส่วนใหญ่มีอาการโรคท้องร่วงและระบบทางเดินปัสสาวะซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แต่คนไข้ไม่ได้นำประวัติการรักษาเดิม หรือ นำยาปฏิชีวนะเดิมมาให้แพทย์ใหม่ที่ทำการรักษาคนไข้ หรือคนไข้ จำไม่ได้ว่า แพทย์คนก่อนเคยจ่ายยาปฏิชีวนะตัวใด ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขส่วนใหญ่ของอินเดีย เชื่อว่า แพทย์ส่วนใหญ่ในอินเดียจ่ายยาปฏิชีวนะไม่ตรงกับสาเหตุของแบคทีเรีย ทำให้การรักษาทางการแพทย์ไม่ได้ผลเท่าที่ควร
สำหรับยาปฏิชีวนะเป็นยาชุดแรกที่ใช้สำหรับยับยั้ง หรือ ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย และไวรัสไม่ให้ลุกลามหรือป่วยหนัก แต่ผลวิจัยของโรงพยาบาลกาสตูรบา ระบุว่า เชื้อแบคทีเรียบางตัวเริ่มมีภาวะดื้อยา ทำให้ยาฆ่าเชื้อไวรัสที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพการรักษาโรคลดลงเฉลี่ยกว่าร้อยละ 15
สำหรับ 5 แบคทีเรียหลักๆที่ระบาดอย่างหนักในอินเดีย ได้แก่ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดในกลุ่มทารกแรกเกิด(neonatal sepsis) ทำให้เด็กทารกตายเกือบ 60,000 รายต่อปี; อีโคไล (E. coli) ซึ่งโดยทั่วไปเกิดจากภาวะติดเชื้อในลำไส้ของคน หรือสัตว์ หลังบริโภคหรือกินอาหารปนเปื้อนไวรัส; เคลบเซลลา นิวโมเนีย(Klebsiella pneumonia) ซึ่งเกิดจากภาวะติดเชื้อในปอด ทำให้เกิดโรคท้องร่วง เลือดออก มีแผลตามผิวหนัง และทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis); สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) ซึ่งเป็นแบคทีเรียในอาหาร สามารถแพร่ทางละอองฝอย หรือละอองลอยในอากาศ; และ อซีเนโตแบคเตอร์ บอมมานิไอ(Acinetobacter baumannii) ซึ่งทำให้ปอดของคนไข้ในห้องไอซีซี ซึ่งป่วยหนัก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ มีภาวะติดเชื้อ มีอาการโรคท้องร่วง
ด้านผู้เชี่ยวชาญของอินเดีย ระบุว่า มีความจำเป็นที่อินเดียจะต้องลงทุนมากขึ้น และเพิ่มการวิจัยในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์(ห้องแล็บ) ผลิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อมากขึ้น และฝึกอบรมแพทย์ในเรื่องการจ่ายยาปฏิชีวนะให้สอดคล้องกับสาเหตุของเชื้อแบคทีเรีย มิเช่นนั้น แบคทีเรียต้านยาปฏิชีวนะอาจจะกลายเป็นโรคระบาดใหม่สำหรับอินเดียในอนาคต ด้านวารสารการแพทย์ เดอะแลนเซต ระบุว่า เชื้อแบคทีเรียดื้อยา ทำให้มีผู้ป่วย 1.27 ล้านคนทั่วโลกเมื่อปี 2562
#อินเดีย
#แบคทีเรียดื้อยา