นักวิชาการออสเตรเลีย แนะไทยเร่งแก้ปัญหายาเสพติด-อาวุธปืนเพื่อลดเหตุรุนแรง

          นายเกรกอรี เรย์มอนด์ จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University) กล่าวว่า ปัญหายาเสพติด และปัญหาสุขภาพจิตของกำลังพลในกองทัพ และองค์กรตำรวจ เป็นหนึ่งในบรรดาปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลไทยควรหาทางแก้ไขเพื่อลดเหตุรุนแรงจากการใช้ปืนเพื่อสังหารหมู่ ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยอาจจะต้องกลับมาทบทวนใหม่ว่า จะบริหารจัดการเรื่องปัญหาสุขภาพจิตในกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆอย่างไร โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐเช่น ตำรวจ-ทหาร ซึ่งต้องใช้ปืน หรือ เคยผ่านการปฏิบัติงาน ซึ่งต้องใช้อาวุธปืน เป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งในการปฏิบัติงานตามวิชาชีพ

          นายเรย์มอนด์ เปรียบเทียบตัวอย่างกรณีจ่าคลั่ง ก่อเหตุที่ จังหวัดนครราชสีมาเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 30 ราย (รวมคนร้าย) บาดเจ็บ 58 คน ต่อมา คนร้ายถูกวิสามัญฆาตกรรมในวันรุ่งขึ้น(9 กุมภาพันธ์ 2563) กับ กรณีส.ต.อ.ปัญญา ที่ก่อเหตุกราดยิงครั้งนี้ว่า ทั้งสองกรณีมีลักษณะคล้ายกันคือ คนร้าย เป็นเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจในประเทศ ที่มีกำลังหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย โดยบทเรียนครั้งนี้สำหรับประเทศไทยคนร้ายทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นคนวัยหนุ่ม เหมือนถูกหน่วยงานต้นสังกัด โดดเดี่ยว เช่น ลงโทษ ทำให้พวกเขารู้สึกแปลกแยก เหินห่างจากองค์กรและชุมชน นอกจากนั้นคนร้ายทั้งสองยังมีปืนในครอบครองด้วย ไม่มีใครทราบอย่างชัดเจนสภาพจิตใจคนก่อเหตุเป็น อย่างไร ถึงแม้หลายคนเชื่อว่า เขาเสพยาเสพติดคือ ยาบ้า มานานแล้ว

          นอกจากนั้น ยาเสพติดยังเป็นปัญหาใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ใกล้ชายแดนบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นศูนย์กลางค้ายาเสพติดระดับโลก ตำรวจสามารถยึดยาเสพติดประเภทยาบ้ามากเป็นสถิติใหม่คือ เกือบ 172 ตัน ในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีที่แล้ว รวมถึงยาบ้ากว่า 1,000 ล้านเม็ด ซึ่งนายเรย์มอนด์ กล่าวว่าในปัจจุบันมีแหล่งผลิตยาเสพติดผิดกฎหมายในแถบตะเข็บชายแดนในแถบลุ่มแม่น้ำโขง อีกทั้งยาเสพติดจำนวนมากถูกลักลอบข้ามแดนเข้ามายังฝั่งประเทศไทย หมายความว่า มีโอกาสที่คนจำนวนมากในฝั่งประเทศไทยจะเข้ามาพัวพันกับปัญหายาเสพติด(ไม่ว่า ค้าหรือเสพยา) นับเป็นต้นเหตุสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่นำไปสู่เหตุกราดยิงในจังหวัดหนองบัวลำภูเมื่อวาน

#กราดยิงหนองบังลำภู

#ยาเสพติดและสุขภาพจิตกำลังพล