พล.อ. ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางรายการ ฟารีด ซากาเรีย จีพีเอส (Fareed Zakaria GPS) โดย ฟารีด ซากาเรีย จากซีเอ็นเอ็น ชื่นชมทักษะการรบของกำลังพลของยูเครนและการใช้อาวุธเชิงยุทธศาสตร์ที่ได้รับจากสหรัฐฯ และกองกำลังสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต) เช่น ไฮมาร์ส (HIMARS หรือ ระบบยิงจรวดด้วยปืนใหญ่เคลื่อนที่คล่องตัวสูง) และระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง (MLRS) เพื่อโจมตีเป้าหมาย เช่น คลังอาวุธและศูนย์บัญชาการและควบคุมการรบ เพื่อลดทอนขีดความสามารถกองทัพรัสเซีย ช่วยให้กองทัพยูเครน มีความคืบหน้าในการสู้รบกับรัสเซียตลอดระยะเวลากว่า 7 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการสู้รบในยูเครน และทำให้กองทัพยูเครนอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบในการสู้รบกับรัสเซีย
พล.อ.ออสติน ระบุว่า กองทัพยูเครนสามารถปกป้องเมืองคาร์คีฟทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศให้พ้นจากการการยึดครองของรัสเซีย เช่นเดียวกับสถานการณ์ในเมืองเคอร์ซอนทางภาคใต้ของยูเครน ซึ่งกองทัพยูเครน มีความคืบหน้าในการรบกับรัสเซีย แม้ว่าจะการรุกกลับเพื่อยึดคืนดินแดนจากรัสเซียจะทำได้ช้ากว่า พล.อ.ออสติน กล่าวว่าเป็นเรื่องที่คาดการณ์ยากว่าสถานการณ์การสู้รบในยูเครนจะสิ้นสุดอย่างไร แต่เขาย้ำว่าสหรัฐฯจะให้การช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ยูเครนตราบเท่าที่ยังคงมีภัยคุกคามความมั่นคงจากรัสเซีย
ส่วนกรณีของไต้หวัน ซึ่งก่อนหน้านี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเยือนไต้หวันเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลจีน จนถึงขั้นจัดให้มีการซ้อมรบในพื้นที่รอบเกาะไต้หวันกว่าหนึ่งสัปดาห์ พล.อ.ออสติน ระบุว่า เขายังไม่เห็นสัญญาณบ่งชี้ว่าจีนจะส่งกำลังทหารบุกยึดไต้หวันในอนาคตอันใกล้ พร้อมประเมินว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน อาจจะเริ่มคุ้นชินกับการที่สมาชิกสมาคองเกรสสหรัฐฯไปเยือนเกาะไต้หวันจนกลายเป็น new normal แล้ว
ที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์จีน มองไต้หวันว่าเป็นอาณาเขตส่วนหนึ่งของจีน แม้ว่าในความเป็นจริง รัฐบาลจีนไม่เคยเข้าไปปกครองไต้หวัน พร้อมประกาศว่าอาจจะใช้กำลังทหาร ถ้ามีความจำเป็น เพื่อผนวกไต้หวันกลับมารวมกับจีนแผ่นดินใหญ่ในอนาคต
#สหรัฐฯ
#การสู้รบในยูเครน
#ซีเอ็นเอ็น