สปช.เปิดเสวนารับฟังความเห็นการจัดสรรที่ดินทำกิน ลดเหลื่อมล้ำ

28 มีนาคม 2558, 15:09น.


การเสนารับฟังความคิดเห็นในการปฎิรูปที่ดินของคณะกรรมาธิการปฎิรูปการเมือง สภาปฎิรูปแห่งชาติ ร่วมกับสถาบันปฎิรูปประเทศไทย ในโครงการ "10 ประเด็นเด่นนวัตกรรมการเมืองไทย" 


 


นายประสาร มฤคพิทักษ์ คณะกรรมาธิการปฎิรูปการเมือง สภาปฎิรูปแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ดินในประเทศไทยส่วนใหญเจ้าของกรรมสิทธิ์จะเป็นคนกลุ่มเล็กๆในประเทศที่มีฐานะในสังคม ซึ่งที่ดินที่ถือครองก็เป็นทั้งที่ดินที่มีโฉนดถูกต้อง และไม่ถูกต้อง จากการตรวจสอบพบว่าบางรายมีที่ดินถึง 6 แสนไร่ ซึ่งเป็นการถือครองที่เอารัดเอาเปรียบบุคคลอื่นในประเทศเกินไป ดังนั้นจึงเกิดการสัมมนาเพื่อปฎิรูปการเมืองขึ้นเพื่อที่จะร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากหลากหลายฝ่าย เพื่อรวบรวมความเห็นทั้งหมดนี้ไปนำเสนอต่อ ประธานสภาปฎิรูปแห่งชาติและประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป


 


 


ขณะที่ นางปรีดา คงแป้น ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท กล่าวถึงการปฎิรูปที่ดินว่า เรื่องการปฎิรูปที่ดินเป็นปัญหาที่สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยมานาน และปัญหานี้ก็ทำให้ภาครัฐเสียที่ดินไปเป็นจำนวนมาก ตลอดหลายปีมีการออกมาเคลื่อนไหวของภาคสังคมเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาและลดความเหลื่อมล้ำในเรื่องที่ดินทำกินของประชาชนที่มีฐานะยากจน แต่ในปัจจุบันที่ดินที่ภาครัฐได้จัดสรรมาให้กับผู้มีที่มีฐานะยากจนและจัดสรรให้กับเกษตรกรนั้น ถูกยึดครองโดยกลุ่มนายทุนหรือกลุ่มคนที่มีฐานะในสังคม และที่ดินเหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกนำมาใช้อันเป็นประโยชน์แต่ถูกปล่อยให้รกร้าง เป็นการทำให้ประเทศไทยสูญเสียพื้นที่ทางเศรษฐกิจไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งในบางพื้นที่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เดิมแต่ก็ถูกทวงคืนที่ดินทำให้ไม่มีที่อยู่ ที่สำคัญไม่มีการพิสูจน์ว่าที่ดินดังกล่าวมีการจัดสรรอย่างถูกต้องหรือไม่  


ขณะที่บางส่วนก็ถูกภาครัฐยึดคืนที่ดินในขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่มานานก็พยายามที่จะเดินเรื่องเพื่อขอมีส่วนร่วมในการออกกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน หรือขอให้ภาครัฐออกเป็นโฉนดชุมชนเพื่อให้สามารถอยู่ทำมาหากินในพื้นที่นั้นต่อไป อีกทั้งยังมีปัญหาในเรื่องของนายทุนหรือตระกูลใหญ่ที่เข้ามาถือครองที่ดินโดยเข้ามาไล่ที่ประชาชนท้องถิ่นที่มีอยู่เดิมออกจากพื้นที่ เพื่อหวังนำพื้นที่ดังกล่าวไปประกอบธุรกิจหรือเปิดพื้นที่ให้ต่างชาติเข้ามาเช่าพื้นที่ทำรีสอร์ทหรือสถานที่ท่องเที่ยว ดังนั้นสภาปฎิรูปแห่งชาติจึงต้องพยายามที่จะให้ประชาชนในท้องที่นั้นๆเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐ ทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการที่ดิน ส่งเสริมการประกอบอาชีพในชุมชนนั้นๆ เพื่อแก้ไขปัญหา


 


ด้านนาย ประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม กล่าวว่า ความเลื่อมล้ำในสังคมเกิดจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เอื้อต่อการบุกรุกของนายทุน ทำให้พื้นที่ป่าไม้ลดลง เพราะขบวนการทางเศรษฐกิจที่ไม่คำนึงถึงสภาพแวดล้อม


รวมทั้งจากการตรวจสอบยังพบว่าผู่ถือครองที่ดินส่วนใหญ่กว่า 79 ล้านไร่หรือร้อยละกว่า 70 ของที่ดินทั้งหมดยังเป็นกลุ่มนายทุนและนักการเมืองพรรคใหญ่ ทำให้ประชาชนที่เหลือทั้งประเทศต้องกระจุกตัวในพื้นที่คับแคบเกินไป เห็นได้จากที่อยู่อาศัย หมู่บ้านแออัดในเมืองที่มากขึ้น ทำให้ประชาชนขาดความมั่นคงในที่ดิน ทั้งที่ในอดีตเคยมีการกำหนดว่าประชาชนหนึ่งคนไม่ควรยึดครองที่ดินเกิน 50 ไร่ แต่ก็ถูกอำนาจทางการเมืองผ่อนคลายกฎหมายดังกล่าว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอดีตนโยบายภาครัฐไม่ได้คำนึงถึงประชาชน เอื้อประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก ส่วนวิธีการแก้ไขนั้น ส่วนตัวมองว่าควรปรับอัตราการเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า รวมทั้งควรมีนโยบายให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและจัดหามาตรการกระจายที่ดินให้ประชาชนมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด
ข่าวทั้งหมด

X