ดร.แอกเนส คาลามาร์ด เลขาธิการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กลุ่มองค์กรสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า เมตา (Meta) เจ้าของเฟซบุ๊ก (Facebook) ล้มเหลวในการจัดการกับการแสดงความเห็นเกลียดชังต่อชาวโรฮิงญา แม้ว่าแอมเนสตี้และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนจำนวนมากจะแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้ถ้อยคำที่เป็นการแสดงความเกลียดชังต่อชาวโรฮิงญาบนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ตั้งแต่ต้นปี 2555 หรือราวๆ 5 ปีก่อนที่กองทัพเมียนมาจะเริ่มการปราบปรามและบังคับให้ชาวโรฮิงญามากกว่า 700,000 คนต้องอพยพไปอยู่ในบังกลาเทศ
แอมเนสตี้ ระบุว่า เมตาเป็นหนี้ค่าชดเชยต่อชาวโรฮิงญาสำหรับการที่เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้เกิดความรุนแรงต่อชนกลุ่มน้อย
เมื่อเดือนมีนาคมของปีนี้ สหรัฐฯ ระบุว่า การกระทำของทหารเมียนมา คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และในปัจจุบันศาลยุติธรรมระหว่างประเทศกำลังมีการสอบสวนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ของสหประชาชาติ ระบุว่า เฟซบุ๊กมีบทบาทสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ความรุนแรงต่อชาวโรฮิงญาเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาฟ้องเมตา ในสหรัฐอเมริกาเป็นเงิน 150,000 ล้านดอลลาร์ ฐานไม่ดำเนินการเกี่ยวกับวาจาสร้างความเกลียดชังต่อกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งในขณะนั้น โฆษกของเมตา กล่าวว่า บริษัท รู้สึกตกใจกับอาชญากรรมที่ก่อขึ้นต่อชาวโรฮิงญาในเมียนมา บริษัทมีการดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อจัดการกับคำพูดแสดงความเกลียดชังบนแพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึงปิดกั้นทหารของเมียนมาออกจากแพลตฟอร์มและมีทีมงานที่ใช้ภาษาพม่าโดยเฉพาะเพื่อกลั่นกรองเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม
....
#โรฮิงญา
#แอมเนสตี้
#เมตา