การรับมือโควิด-19 ของประเทศไทย นพ.วิฑูรย์ อนันตกูล ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขฉุกเฉิน (สธฉ.) กล่าวว่า วันนี้กระทรวงมีคำสั่งปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC)กรณีโรคโควิด -19 หลังเปิดดำเนินการมา 2 ปี 8 เดือน ประชุมทั้งหมด 482 ครั้ง มีข้อสั่งการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข จำนวน 480 ฉบับ จำนวนข้อสั่งการรวม 3,259 ข้อ แบ่งเป็นกลุ่มภารกิจ 2,648 ข้อ และพื้นที่ 611ข้อ และยังมีการประชุมทางไกลวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อสื่อสาร/สั่งการ และติดตาม การดำเนินงานระดับพื้นที่จำนวนรวม 67 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม แต่กระทรวงยังดำเนินการเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิด พร้อมยกระดับได้อีกครั้งหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง โดยระหว่างนี้ก็จะปรับไปดูแลที่ EOC ระดับกรม โดยกรมควบคุมโรคแทน สำหรับยา และเวชภัณฑ์ ในส่วนของยาฟาวิพิราเวียร์ คงเหลือ 5,621,175 เม็ด เรมดิซิเวียร์ คงเหลือ 23,451 Vial และโมนูลิราเวียร์ คงเหลือ 20,362,045 เม็ด
ด้าน ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ยืนยันหลังโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ว่านโยบายสิทธิ์ยูเซป(UCEP) เป็นนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 โครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ จากเดิมที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยกองทุนต่างๆ เป็นผู้รับผิดชอบให้ โดยสพฉ.มีหน้าที่ประเมินเพื่อคัดแยกผู้ป่วยวิกฤต ซึ่งหากไม่เข้าเกณฑ์ก็จะมีค่าใช้จ่าย
ดังนั้น จากการที่รัฐบาลประกาศให้โรคติดเชื้อโควิดเป็นโรคติตต่อที่ต้องเฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ทำให้เกิดกลไกปรับปรุงเกณฑ์ยูเซปพลัสใหม่ โดยการจะเข้ายูเซปพลัสได้จะต้องมีอาการสีแดงเท่านั้น เรียกว่า แดงโควิด เป็นผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน สามารถรักษาได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย และต้องรักษาจนหาย ไม่มีข้อจำกัดทางเวลา ส่วนอาการเกณฑ์ต่างๆ ทาง สพฉ.จะออกประกาศภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้
#โควิด19