กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ออกคำเตือนรัฐบาลของสหราชอาณาจักร ตามที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายกวาซี กวาร์เทง รัฐมนตรีคลัง ประกาศแพ็คเกจทางการคลังต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้แก่แผนการลดภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ไอเอ็มเอฟเห็นว่า จะทำให้วิกฤตค่าครองชีพมีความรุนแรงขึ้น เพราะมีแนวโน้มที่จะขยายช่องว่างของความไม่เท่าเทียมกันและเพิ่มแรงกดดันต่อราคาสินค้า
ในแถลงการณ์ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า กำลังติดตามการพัฒนาเศรษฐกิจล่าสุดในสหราชอาณาจักรอย่างใกล้ชิด โดยมีความเข้าใจดีว่าแพ็คเกจทางการคลังขนาดใหญ่ที่ประกาศออกมามีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยครอบครัวและธุรกิจต่างๆ ในการจัดการกับวิกฤตที่เกิดขึ้น มีการกระตุ้นการเติบโตผ่านการลดภาษีและมาตรการด้านอุปทาน แต่เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร ไอเอ็มเอฟจึงไม่แนะนำแพ็คเกจการคลังที่มีขนาดใหญ่และไม่ตรงเป้าหมายในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะขยายช่องว่างของความไม่เท่าเทียมกัน ระบบการประเมินภาษีเอื้อโยชน์ต่อผู้มีรายได้สูง
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ลิซ ทรัสส์ แห่งสหราชอาณาจักรโต้แย้งว่า ไอเอ็มเอฟสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจแบบเดิมๆ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจเติบโตล่าช้าไปหลายปีและมีผลผลิตที่อ่อนแอ ซึ่งเธอเห็นว่า แนวทางเศรษฐกิจที่เหมาะสมต่อสหราชอาณาจักรคือการลดภาษี จำกัดการใช้จ่าย และการปฏิรูปเศรษฐกิจ
สำหรับมาตรการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ที่มีการประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นการใช้มาตรการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ปี 2515 เป็นวงเงินประมาณ 45,000 ล้านปอนด์ (ราว 1 ล้าน 8 แสนล้านบาท) ครอบคลุมระหว่างปี 2569-2570 ซึ่งนับตั้งแต่กระทรวงการคลัง เปิดเผยแผนการลดภาษี ภาคการตลาดได้ส่งสัญญาณเตือน ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างมาก และเมื่อวานนี้ (27 ก.ย.) ธนาคารกลางอังกฤษส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อตอบสนองต่อค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง
ส่วนหน่วยงานจัดอันดับเครดิตของมูดีส์ ระบุในวันนี้ (29 ก.ย.) ว่าแผนการของสหราชอาณาจักรสำหรับการลดภาษีครั้งใหญ่จะนำไปสู่การขาดดุลที่สูงขึ้นและต่อเนื่อง เพราะจะมีการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอ
...
#คลังสหราชอาณาจักร
#แผนลดภาษี