ความคืบหน้าคดียิงพระบัณฑิต สุปันฑิโต หรือ พระหมอ เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด อ.เมือง จ.อุดรธานี จนมรณภาพเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2558 ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนาย ปัญจ๋า หรือ โบ้ ชารีแสน มือปืนที่ยิงพระหมอได้ก่อนที่จะให้การซักทอดและนำไปสู่การออกหมายและจับกุมผู้ต้องหาอีก 3 ราย คือ นาย บรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ผู้บริหารและเจ้าของโรงพยาบาลเอกอุดร ผู้จ้างวานฆ่า นาย บุนนาค หงษาคำ พนักงานขับรถสำนักงานโครงการชลประทานที่ 5 จ.อุดรธานี ผู้ทำหน้าที่ชี้เป้าสังหาร และด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผู้บังคับหมู่งานสืบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จ.อุดรธานี ที่ทำหน้าที่จัดหามือปืนและขับรถพานายปัญจ๋า ไปสังหาร และได้นำตัวมาแถลงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสตช.
โดยในวันนี้พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท. ปัญญา มาเม่น ผู้ช้วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ร่วมสืบสวนสอบสวนและแถลงพร้อมนาย บุนนาค และด.ต. ชาญชัย โดย นาย บรรเจิด ของดร่วมแถลงข่าว โดยพล.ต.อ. สมยศ ระบุว่า ได้โอนคดีดังกล่าวไปอยู่ในความรับผิดชอบของกองปราบปรามแล้ว เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากคดีนี้มีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงเกรงว่าประชาชนจะสงสัยการทำหน้าที่ของตำรวจ โดยในวันนี้หลังจากแถลงเสร็จจะนำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จ.อุดรธานี จากนั้นจะนำไปขออำนาจศาลทหารฝากขังผลัดแรกในทันที พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ ยืนยันว่าหากคดีนี้มีส่วนเชื่อมโยงไปยังผู้ใดก็จะดำเนินคดีไปตามนั้น ไม่มีการปกป้องเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอน พร้อมระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ว่าผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกสั่งฟ้อง แม้ว่านายบรรเจิด ผู้จ้างวานฆ่า จะเป็นผู้กว้างขวางและรู้จักกับนายทหาร ผู้พิพากษาในจ.อุดรธานีก็ตาม แต่ทั้งนี้ยอมรับว่ามีความกังวลใจในการนำตัวนายบรรเจิด ไปฝากขังที่จ.อุดรธานี เช่นกันเนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่วนประเด็นที่สั่งย้ายพล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มาช่วยราชการนั้นเป็นเพียงการยืนยันความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจากสังคมมีข้อสงสัยและเกรงว่าคดีจะไม่มีความคืบหน้า ยืนยันว่าไม่ได้มีการช่วยเหลือและขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาใดๆแต่หากพยานหลักฐานไปถึงก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง
ด้านด.ต.ชาญชัยและนายบุนนาค ให้การยอมรับสารภาพ โดย ด.ต. ชาญชัย ระบุว่า รู้จักนาย บรรเจิด ผ่านพล.ต.ต. บุญลือ ที่เป็นผู้ให้เบอร์โทรศัพท์มา โดยตัวเองเป็นลูกน้องคนสนิท ซึ่งนาย บรรเจิดได้โทรมาขอร้องให้ไปติดตามพฤติกรรม หมอแก้ว อดีตภรรยานายบรรเจิด หลังพบว่าเข้าวัดป่าตอสีเสียดบ่อยครั้ง จนมีอาการหึงหวงตัวเองได้ปฎิเสธไปหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมไปติดตามพฤติกรรมและจัดหามือปืน คือนายโบ้ มาเป็นผู้ลงมือฆ่าพระหมอ ยอมรับว่าเหตุที่ทำลงไปเนื่องจากต้องการเงินและนาย บรรเจิด ก็เป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่จึงยอมรับงาน โดยได้เงินจำนวน 3 แสนบาท แบ่งจ่ายสองงวดก่อนและหลังงานเสร็จ ในวันที่ 31 มกราคม จำนวน 50,000บาท และวันที่ 4 มีนาคม 250,000บาท โดยตัวเองได้จ้างนาย โบ้ ต่อด้วยจำนวน 5 หมื่นบาท จากนั้นหลังงานเสร็จแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก พร้อมระบุว่าเหตุที่นาย บรรเจิด สั่งให้ไปฆ่าพระหมอเนืองจากนาย บรรเจิด ระบุว่า พระหมอเป็นพระที่โกงเงินวัดและเกี่ยวข้องกับสีกาา ส่วนตัวไม่รู้จักพระหมอและนายบรรเจิดมาก่อนหน้านี้
ธีรวัฒน์