ไทยขาดดุลการค้าเดือนส.ค. กว่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ยอดส่งออกขยายตัว 7.5%

26 กันยายน 2565, 12:38น.


          นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน ส.ค. 65 มีมูลค่า 23,632.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 7.5% จากตลาดคาดว่าจะขยายตัว 7.3-7.7% ทำให้การส่งออกในช่วง 8 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.) ขยายตัว 11.0% ที่มูลค่า 196,446.8 ล้านเหรียญสหรัฐ



          ส่วนการนำเข้าในเดือน ส.ค. มีมูลค่า 27,848.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 21.3% ส่งผลให้การนำเข้าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัว 21.4% มูลค่า 210,578.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ดุลการค้าในเดือน ส.ค.65 ขาดดุล 4,215.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ขาดดุล 14,131.7 ล้านเหรียญสหรัฐ



สำหรับสินค้าหลักของการส่งออก 3 กลุ่ม เดือนสิงหาคม 2565 ประกอบด้วย




  • สินค้าเกษตร ลดลง 10.3% คิดเป็นมูลค่า 77,088 ล้านบาท


  • สินค้าเกษตรอุตสาหกรรม ขยายตัว 27.6% คิดเป็นมูลค่า 71,015 ล้านบาท


  • สินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 9.2% คิดเป็นมูลค่า 680,471 ล้านบาท



          การส่งออกในเดือนส.ค.ขยายตัวได้ดีจากสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มอาหารแปรรูปที่มีความต้องการสูง เช่น อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวสูงอีกครั้งหลังชะลอตัวในเดือนก่อน จากการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายรายการที่กลับมาขยายตัว ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลก อาทิ ภาวะเงินเฟ้อทำให้กำลังซื้อทั่วโลกชะลอตัว ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีนจากวิกฤตด้านอสังหาริมทรัพย์ และปัญหาการขาดแคลนพลังงานในสหภาพยุโรป เป็นต้น



         สำหรับแนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า ยังคงมีสัญญาณบวกที่ช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทยในปีนี้ให้สามารถบรรลุตามเป้าหมาย โดยเฉพาะความต้องการสินค้าอาหารที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ตามราคาอาหารทั่วโลกที่ยังทรงตัวในระดับสูง ขณะที่นโยบายของสหรัฐฯ ที่จำกัดการเข้าถึงสินค้าเทคโนโลยีของจีน อาจทำให้มีอุปทานชิปประมวลผลส่วนเกินจากผู้ผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทย เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์



         นอกจากนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก และยังเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ไทยสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเงินเฟ้อในหลายประเทศ การขาดแคลนพลังงานในทวีปยุโรป และวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน อาจเป็นปัจจัยกดดันที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าชะลอตัว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป



 



 



#ส่งออกไทย



 

ข่าวทั้งหมด

X