นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค. เปิดเผยผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธานว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่เฝ้าระวังและการผ่อนคลายมาตรการในปีนี้และปีหน้าจะพบการติดเชื้อเป็นเวฟเล็กๆ อาจจะเพิ่มสูงขึ้นบ้าง หรือ ลดลงบ้างตามสถานการณ์ เป็นการคาดการณ์พบการระบาดของโรคลักษณะตามฤดูกาลเทียบเคียงโรคไข้หวัดใหญ่ ยังขอย้ำให้ประชาชนดูแลตัวเอง มาตรการรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ
ขณะที่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอแนวทางการฟื้นฟูการท่องเที่ยวและการสร้างความเชื่อมั่น จะเห็นได้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวสะสมช่วงวันที่ 1 ม.ค.65-21 ก.ย.65 เพิ่มขึ้นเป็น 5,257,196 ล้านคน ทำให้มีรายได้สะสม 211,974 ล้านบาท เดินทางทางอากาศมากกว่าทางบก เช่นเดียวกับ คนไทยเที่ยวไทย ทำรายได้เพิ่ม 432,889 ล้านบาท รวมรายได้การท่องเที่ยว 644,863 ล้านบาท
ส่วนเรื่องสำคัญ คือ ที่ประชุมเห็นชอบยกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร(พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) มีผลวันที่ 30 ก.ย.65 เป็นต้นไป ถือเป็นการสิ้นสุดการทำงานของศบค.ซึ่งเป็นไปตามแผนการทำงานที่ได้มีการวางไว้ ที่ประชุมได้ขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ช่วยกันให้ผ่านพ้นสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
หลังจากนี้ที่ไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่เฝ้าระวัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้ที่ดูแล และให้ใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้ความเห็นชอบแล้วตั้งแต่ปี 64 เพื่อควบคุมโรคให้อยู่ในสถานการณ์ที่รับได้หรือรุนแรงน้อย พร้อมทั้ง ยืนยันเรื่องการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 การฉีดวัคซีน พร้อมทั้งดำเนินการทุกอย่างตาม 4 ยุทธศาสตร์
1.ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านการป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมโรค
2.ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการแพทย์และรักษาพยาบาล
3.ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการสื่อสารความเสี่ยง ประชาสัมพันธ์ และข้อมูลสารสนเทศ
4.ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการบริหารจัดการ กฎหมาย สังคม และเศรษฐกิจ
#โรคติดต่อที่เฝ้าระวัง
#โควิด19
CR:รัฐบาลไทย,ศูนย์ข้อมูล COVID-19