ม.หอการค้าไทย คาดครึ่งหลังของปีนี้ ศก.ฟื้นตัวช้า ๆ เงินบาทอ่อนค่าแตะ37 บาทไม่กระทบ

20 กันยายน 2565, 14:58น.


          การสำรวจความเห็นทั่วไป เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ประชาชน 92.8% มองว่า ค่าครองชีพในปัจจุบันไม่เหมาะสม และ 7.2% มองว่ามีความเหมาะสม ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่ได้รับผลกระทบ เรื่องค่ารถสาธารณะ ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบในระดับปานกลาง ค่าน้ำมัน ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบมาก ส่วนค่าอาหาร ค่าสาธารณูปโภค และค่าเช่าบ้านหรือค่าผ่อนบ้าน ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเมื่อสอบถามถึงการแก้ไข ประชาชนตอบว่า จะแก้ไขด้วยการลดการใช้จ่าย หรือประหยัด รองลงมาคือหารายได้เพิ่ม



          สำหรับความเหมาะสมในการจับจ่ายใช้สอยในช่วงนี้ เรื่องการท่องเที่ยว 41.1% มองว่า มีความเหมาะสมปานกลาง และอีก 40.5% มองว่ามีความเหมาะสมน้อย ซึ่งสอดคล้องกับที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า การท่องเที่ยวของไทยพลาดเป้า เนื่องจากคนไทยมีการท่องเที่ยวและมีการจับจ่ายใช้สอยน้อยลง



          ส่วนสภาพเศรษฐกิจไทยในอนาคต พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 75.1% มองว่า ประเทศไทยจะฟื้นช่วงครึ่งปีหลัง 66 สอดคล้องกับที่หอการค้าไทยมองว่า ช่วงครึ่งหลังของปี 66 คนจะกลับมาจับจ่ายใช้สอยใกล้เคียงกับปกติ เป็นการฟื้นแบบอ่อนๆ แต่ยังไม่โดดเด่น เนื่องจากประชาชนยังไม่มั่นใจเศรษฐกิจในอนาคต  หอการค้าไทย เชื่อว่าในไตรมาส 4/65 เศรษฐกิจจะฟื้น เนื่องจากการส่งออกยังดี, นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้าไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรป, เศรษฐกิจโลกยังไม่มีสัญญาณของการซึมตัว, ภาคการเกษตรมีเม็ดเงินหมุนเวียนมากขึ้น สินค้าเกษตรและปศุสัตว์ราคาดี และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มการหมุนเวียนของเม็ดเงิน ทั้งนี้ มีสัญญาณเริ่มต้นคือการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจ



         สำหรับ ปัจจัยที่กระตุ้นเศรษฐกิจจากมาตรการของรัฐ ทั้งโครงการคนละครึ่ง บัตรคนจน และการอุดหนุนราคาพลังงาน ที่น่าจะหนุนเศรษฐกิจในไตรมาส 4/65 จึงยังคงมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวอยู่ที่ 3.0-3.5% โดยสิ่งที่ประชาชนต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือเพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติ ได้แก่ ต้องการให้แก้ไขปัญหาค่าครองชีพ, ต้องการให้มีการเมืองมีเสถียรภาพ, ต้องการเงินช่วยเหลือ, พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน, ต้องการให้กระตุ้นการลงทุนของนักลงทุน, ต้องการให้ช่วยหางานสำหรับผู้ที่ตกงาน และกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด



          ส่วนประเด็นเงินบาทอ่อนค่าแตะ 37.00 บาท/ดอลลาร์ นายธนวรรธน์ มองว่าเป็นเชิงจิตวิทยา ถือว่าเป็นการผ่านแนวต้านที่สำคัญ แต่ถือว่า การผันผวนของค่าเงิน แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการและระบบเศรษฐกิจไทยน่าจะยังรับได้ เพราะการที่เงินบาทอ่อนค่าเร็ว ยังเป็นอานิสงส์เชิงบวกในการส่งออกและการท่องเที่ยว หรือโดยรวมไม่มีผลในเชิงลบมาก จึงเป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับเศรษฐกิจไทยจะได้แรงหนุนจากค่าเงินบาทอ่อน ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการส่งออก ขณะเดียวกัน การที่เงินบาทอ่อนค่า แม้จะมีผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบที่นำเข้า แต่มองว่าน่าจะมีการสต็อกวัตถุดิบไว้อย่างน้อยประมาณ 1 เดือน จึงทำให้ต้นทุนวัตถุดิบไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นมาก เมื่อเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น เงินบาทในช่วงประมาณสิ้นปี หรือปลายเดือนธ.ค. 65 ควรกลับมาแกว่งที่ 36.50-37.00 บาท/ดอลลาร์ แต่ต้องดูทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดว่าจะขึ้นเท่าไร และจะมีแนวโน้มขึ้นต่อเนื่องหรือไม่



 



#เศรษฐกิจไทย

ข่าวทั้งหมด

X