หลังการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีที่นาย ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ ได้ยักยอกเงิน สหหรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นรวมมูลค่ากว่า 16,000ล้านบาทนั้น พ.ต.อ. ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้อำนวยการส่วนตรวจ 2 สำนักเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ระบุว่า ได้ให้พระมหาบุญชัย จารุทัตโต ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี วัดพระธรรมกาย ที่เป็นผู้ดูแลการเงินของวัดพระธรรมกายไปตรวจสอบที่มาของเช็คอีก 2 ฉบับ มูลค่ารวม 100 กว่าล้านบาทที่อ้างว่าไม่ได้รับ เพราะข้อมูลของดีเอสไอที่มีอยู่ กับข้อมูลที่พระมหาบุญชัยแจ้งนั้นไม่ตรงกัน เนื่องจากจากการตรวจสอบพบว่ายังมีเช็คอีก 4-5 ฉบับที่อาจเกี่ยวโยงกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและวัดพระธรรมกายเพิ่ม ซึ่งจะต้องตรวจสอบต่อไป
ส่วนเช็คอีก 13 ฉบับที่พระมหาบุญชัยแจ้งนั้น มียอดที่ตรงกับดีเอสไอทั้งหมด ซี่งเชื่อว่ามีความเกี่ยวโยงกับนาย ศุภชัยจริง พร้อมระบุด้วยว่าจะนัดพระมหาบุญชัย มาให้ข้อมูลอีกครั้ง และจะเรียกพระวิรัตน์ ซึ่งเป็นพระลูกวัดพระธรรมกายมาให้ข้อมูลด้วย เนื่องจากตรวจสอบพบว่าเกี่ยวโยงกับเช็คที่ยักยอกไปกว่า 5 ฉบับมูลค่ารวม 60 ล้านบาท โดยจะนัดมาก่อนช่วงสงกรานต์ พร้อมยืนยันว่าคดียักยอกทรัพย์จะมีความชัดเจนและอาจจะนำเรื่องส่งฟ้องให้อัยการได้ในช่วงสงกรานต์นี้ โดยขณะนี้สอบปากคำไปแล้วกว่า 30 ปาก
ขณะที่พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือ ปปง.ในช่วงเช้าวันนี้ที่อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่เพื่อตรวจยึดทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับการยัดยอกทรัพย์สหกรณ์ว่า ได้แบ่งกันลงพื้นที่ออกเป็น 4 จุด โดยดีเอสไอตรวจจุดที่อ.แม่ริม เป็นหลัก เบื้องต้นสามารถตรวจยึดที่ดินได้ 40 กว่าไร่ รถมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์จำนวน 4 คัน รถยนต์พร้อมบ้านเป็นของกลาง รวม 4จุดแล้วประเมินเบื้องต้นคาดมีมูลค่ารวม 40 ล้านบาท แต่ยังต้องรอการประเมินที่ชัดเจนอีกครั้ง
ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดพบว่ามีเส้นทางการเงินในรูปแบบเช็คที่โอนมาจากนาย ศุภชัย โดยได้โอนเงินมาให้นาง ประทุมพร บุตรศรี และนาง ผกามาส ไชยสงคราม ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของบ้าน ที่ดินและทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ เชื่อว่านาง ประทุมพร และนาง ผกามาส เป็นบุคคลใกล้ชิดกับนาย ศุภชัย แต่ยังไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์ในรูปแบบใด โดยจะให้เจ้าหน้าที่ชุดติดตามทรัพย์สินตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มอีก
เช่นเดียวกับช่วงเช้าที่พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ไปสำนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี สาขาคลองหลวง เพื่อสั่งอายัดห้ามทำการซื้อขายเปลี่ยนมือโฉนดที่ดิน 8 แปลง ของ นางสาวอลิสา อัศวโภคิน บุตรสาวนักธุรกิจรายใหญ่ ที่ซื้อที่ดินต่อมาจาก นายศุภชัย โดย พ.ต.ต. วรณัน ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวก็มีความเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของนาย ศุภชัย จริง แต่จะต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมคิดว่าคงชัดเจนในสัปดาห์หน้าและอาจจะเรียกนางสาว อลิสา มาให้ข้อมูลต่อไป ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเส้นทางการเงินดังกล่าวและนาง อลิสา มีความเชื่อมโยงกันกับนาย ศุภชัย อย่างไร โดยขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบระยะหนึ่งก่อน ขณะเดียวกันระบุว่า พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้สั่งให้ทำกรณีนี้เป็นกรณีศึกษาเพื่อวิคราะห์สาเหตุและนำไปป้องกันปัญหาต่อไป
พ.ต.ต. วรณัน ระบุต่อว่ายังต้องเชิญพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาสอบปากคำเพิ่ม แม้จะให้พระมหาบุญชัย มาชี้แจงแล้วก็ตาม เนื่องจากพระธัมมชโยมีชื่อเข้าไปเกี่ยวโยงมาก ดังนั้นการเข้าให้ปากคำเพื่อเป็นการไขข้อกระจ่างคดีและยืนยันความบริสุทธิ์ของพระธัมมชโย ทั้งนี้ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอ อยู่ระหว่างการประสานงาน แต่หากพระธัมมชโยยังอ้างติดภารกิจอยู่ก็ต้องดูตามความจำเป็น และอาจเป็นไปได้ที่จะกำหนดสถานที่พิเศษในการสอบสวน แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้คิดถึงการออกหมายจับพระธัมมชโย
อย่างไรก็ดียืนยันว่าคดียักยอกทรัพย์นี้มีความชัดเจนมากขี้น และยังมีพื้นที่อีกหลายแห่ง เช่น จ.นครสวรรค์ ที่อาจจะเป็นเส้นทางการฟอกเงินของนาย ศุภชัย ทั้งนี้ขอไม่เปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้ และจะเชิญตัวแทนสหกรณ์ฯเข้าร่วมประชุมด้วยพร้อมขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วย