นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานวันนี้ (16 ก.ย.) ได้มีมติเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันฯ 1.13 บาทต่อลิตร สำหรับกลุ่มผู้ใช้ดีเซลธรรมดา, ดีเซล B7, ดีเซล B20 และดีเซลเกรดพรีเมียม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป โดยการปรับขึ้นอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อราคากลุ่มดีเซล โดยยังคงราคาจำหน่ายที่ 34.94 บาทต่อลิตรต่อไป ผอ.สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยอมรับว่า ตลาดน้ำมันโลกผันผวนค่อนข้างมากทำให้เราไม่อาจลดราคาขายปลีกให้ได้เพราะภาระกองทุนน้ำมันยังติดลบ 1.23 แสนล้านบาท และสิ้นปีราคาพลังงานที่ปกติจะเป็นขาขึ้นต้องบริหารจัดการไว้ดูแลในช่วงนั้น
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สกนช.) กล่าวว่า ราคาดีเซลสิงคโปร์ที่ผ่านมาลดลงถึง 9.38 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ดีเซลมีค่าการตลาดสูงถึง 3 บาทต่อลิตรแต่เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯ ยังชดเชยราคาดีเซลอยู่ 1.29 บาทต่อลิตรทำให้กบน.ได้เห็นชอบเก็บเงิน 2.42 บาทต่อลิตรจึงส่งผลให้เก็บเงินดีเซลเป็น 1.29 บาทต่อลิตร ซึ่งผลดังกล่าวทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลเข้าจากผู้ใช้น้ำมันประมาณวันละ 71.67 ล้านบาท ขณะที่กองทุนฯ ยังต้องชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) อยู่วันละ 27.82 ล้านบาท ทำให้กองทุนฯ มีรายรับอยู่ที่วันละ 43.85 ล้านบาท ซึ่งกองทุนฯ ปรับตัวดีขึ้นจากเดิมที่อยู่ในสภาวะเงินไหลออกวันละ 105.27 ล้านบาท
สถานะกองทุนฯ โดยรวม ณ วันที่ 11 ก.ย. 2565 กองทุนฯ ยังติดลบรวม 124,601 ล้านบาท ซึ่งมาจากการชดเชยราคาน้ำมันทำให้บัญชีน้ำมันติดลบรวม 82,534 ล้านบาท และการชดเชยราคา LPG ทำให้บัญชี LPG ติดลบรวม 42,067 ล้านบาทในสัปดาห์หน้ากองทุนฯ จะยังคงพิจารณาราคาขายปลีกดีเซลอีกครั้ง และยืนยันว่าจะยังไม่มีการลอยตัวราคาดีเซลอย่างแน่นอน
#ชดเชยดีเซล
#ราคาน้ำมันโลก