นางอลิศรา มหาสันทนะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าผ่านระดับ 37.00 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยต่างประเทศ ทั้งจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าเดิม หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูง และการประเมินสถานการณ์เสี่ยงของนักลงทุนที่มีต่อค่าเงินในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในเอเชียที่ปรับแย่ลง หลังเงินหยวนของจีนปรับอ่อนค่าขึ้นเหนือระดับ 7 หยวน/ดอลลาร์ รวมถึงยังมีปัจจัยเฉพาะของไทย จากราคาทองคำที่ปรับลดลง ส่งผลให้มีแรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ จากกลุ่มบริษัททองคำเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ธปท. ได้ติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมเข้าดูแลเมื่อเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากผิดปกติ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการปรับตัวของภาคเศรษฐกิจจริง ทั้งนี้ ภาคเอกชนควรบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงินในสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,630.40 จุด ลดลง 11.93 จุด มูลค่าการซื้อขาย 95,907.27 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงแรง จากนักลงทุนกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย
โดยตลาดได้ให้น้ำหนักว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ขณะที่ในระยะกลางมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงต่อ จากการกลับมากังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง คาดว่า ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะสามารถทราบผลได้ในวันที่ 22 ก.ย. (ตามเวลาไทย) และต้องติดตามว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจและดอกเบี้ยต่อไปอย่างไร หากส่งสัญญาณในเชิงเข้มงวดก็จะฉุดตลาดหุ้นลงต่อ รวมถึงติดตามค่าเงินบาท หลังล่าสุดค่าเงินบาทอ่อนค่าทะลุ 37 บาท/ดอลลาร์ มาแล้ว ซึ่งเป็นการอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 16 ปี กดดันเงินทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง ต่างชาติขายสุทธิ 994.44 ลบ.(SET+MAI)
#เงินบาทอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ16ปี