สำนักข่าวเกียวโด รายงานอ้างกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้ารวม 2.82 ล้านล้านเยน(หรือ 19,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)ในเดือนสิงหาคม หลังพลังงาน เช่น น้ำมันดิบ ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว มีราคาสูงขึ้นนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ขณะเดียวกัน ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นที่อ่อนค่าลงมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น อีกทั้งสูงกว่าสถิติเดิม คือ การขาดดุลการค้า 2.80 ล้านล้านเยนในเดือนมกราคม 2557
กระทรวงการคลังของญี่ปุ่น ระบุว่า การนำเข้าของญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.9 อยู่ที่ 10.88 ล้านล้านเยน สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดทำข้อมูลการนำเข้าของญี่ปุ่นในปี 2522 จากราคาพลังงาน เช่น น้ำมันดิบและวัตถุดิบต่างๆสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบในเดือนสิงหาคมเฉลี่ยอยู่ที่ 95,608 เยนต่อกิโลลิตร เพิ่มสองเท่าจากปีก่อน
ขณะเดียวกัน การส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.1 อยู่ที่ 8.06 ล้านล้านเยน หลังการส่งออกรถยนต์ ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์และอุปกรณ์เกี่ยวกับชิปความจำสำหรับสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น
ด้านนายยูอิชิ โคดามะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทประกันภัยเมจิ ยาซึดะ ไลฟ์ ของญี่ปุ่น ระบุว่า การอ่อนค่าของเงินเยนของญี่ปุ่น ร้อยละ 22.9 จากปีก่อนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 135.08 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนสิงหาคม ทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าจากต่างแดนเพิ่มขึ้น ขณะที่ ราคาพลังงาน เช่น น้ำมันดิบ แพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าระยะหลังๆมานี้ ราคาพลังงานและธัญพืช เช่น ข้าวเปลือก เริ่มทรงตัว แต่ผลพวงจากค่าเงินเยนอ่อนค่าลงหนักเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะส่งผลให้ผู้ประกอบการของญี่ปุ่นนำเข้าสินค้าจากต่างแดนในอัตราที่แพงอีกสักพักใหญ่ๆ
ในระยะหลังๆนี้ ตัวเลขขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและการขาดดุลการค้าในเดือนสิงหาคม นับเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกันที่ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า ย้ำถึงผลกระทบจากการที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติจนกระทั่งต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากต่างแดนในปริมาณที่สูงมาก
#ญี่ปุ่น
#ขาดดุลการค้าเดือนสิงหาคม
#เศรษฐกิจ