หญิงเลบานอนจับพนักงานธนาคารเป็นตัวประกันเพื่อถอนเงินออม ไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล

15 กันยายน 2565, 08:54น.


          หญิงชาวเลบานอนคนหนึ่งจับพนักงานธนาคารในกรุงเบรุตเป็นตัวประกันเพื่อถอนเงินออมของเธอเองจำนวนประมาณ 13,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นจำนวนที่เกินเพดานที่ทางการอนุญาตให้มีการเบิกถอนได้ เพื่อควบคุมวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งข้อบังคับนี้บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2562 เมื่อค่าเงินเลบานอนอ่อนค่าลงและอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น



          ผู้ก่อเหตุสตรีมตลอดเวลาที่ก่อเหตุ ระบุว่า ชื่อแซลลี่ ฮาเฟซ ไม่ได้มาที่ธนาคารเพื่อฆ่าหรือเผา เธอแค่ต้องการถอนเงินออมของเธอเองไปเป็นค่ารักษาพยาบาลน้องสาว ซึ่งในอีก 1 ชั่วโมงต่อมาเธอได้รับเงินตามที่ต้องการและออกไปจากธนาคาร แต่ไม่ชัดเจนว่าเธอถูกจับกุมในภายหลังหรือไม่



           ต่อมา มีหญิงอีกคนหนึ่งที่บอกว่าเธอเป็นแม่ของ แซลลี่ ฮาเฟซ ซึ่งอ้างถึงความจำเป็นที่จะต้องลงมือก่อเหตุ เพราะต้องใช้เงินเป็นค่ารักษามะเร็งให้น้องสาว หากไม่ทำเช่นนี้ น้องสาวของแซลลี่ก็อาจเสียชีวิตได้



           แต่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาก็เกิดเหตุในลักษณะเดียวกัน เมื่อชายคนหนึ่งในเมืองอัลเลย์ จับพนักงานธนาคารและลูกค้าเป็นตัวประกันเพื่อที่จะถอนเงินออมของเขาจำนวนประมาณ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ



          สื่อในเลบานอนรายงานว่า ในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ มีเหตุรุนแรงที่สืบเนื่องจากข้อจำกัดต่างๆ ทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นหลายครั้ง และมีความไม่พอใจอยู่ทั่วไป ขณะนี้ ประเทศกำลังอยู่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่รุนแรงและยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยกว่าร้อยละ 80 ของประชากร ตกอยู่ในความยากจนและต้องพยายามอย่างมากเพื่อหารายได้มาซื้ออาหารและยารักษาโรค



          กลุ่มรณรงค์เรียกร้องสิทธิ์ในการเบิกจ่ายเงิน (Depositors' Outcry) ระบุว่า มาตรการนี้มีการบังคับใช้มานาน 3 ปีแล้ว แม้ว่าจะมีการเรียกร้องมาโดยตลอดแต่ไม่มีใครสนใจ ทำให้มาถึงวันที่ผู้คนอยู่ในจุดแตกหัก โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ผู้พิพากษาสั่งให้ปล่อยตัวชายคนหนึ่งซึ่งจับพนักงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งในเบรุตเป็นตัวประกันเป็นเวลา 7 ชั่วโมงเพื่อถอนเงินออมของเขา 35,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเขาเปิดเผยว่า จำเป็นต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลของบิดา



...



#เลบานอน



#จับตัวประกัน

ข่าวทั้งหมด

X