นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยผลการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ว่า ขณะนี้เชื้อโควิด 19 ของประเทศไทยยังเป็นโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5
จากการถอดรหัสพันธุกรรมแบบทั้งตัว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา จำนวน 803 ราย พบ BA.5 จำนวน 688 ราย
BA.4 พบ 106 ราย
BA.2.75 และลูกหลานรวม 9 ราย
แนวโน้มสอดคล้องกับทั่วโลก คือ BA.5 ยังเพิ่มขึ้นเป็นสายพันธุ์หลัก ส่วน BA.4 ลดลง และ BA.2.75 และลูกหลาน พบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ทั้งนี้ การกลายพันธุ์เป็นเรื่องธรรมชาติของไวรัส เช่น BA.2.75.2 เป็นสายพันธุ์ย่อยของ BA.2.75 ที่มีการกลายพันธุ์ตำแหน่ง R346T และ F486S ส่วนที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า BA.2.75.2 เพิ่มจำนวนเร็วกว่า BA.5 ถึง 114% เป็นเพียงการสันนิษฐานจากการทำแบบจำลอง ซึ่งต้องประเมินพิสูจน์จากสถานการณ์จริงอีกครั้ง
โดยในการตรวจพบ BA.2.75 และลูกหลาน 9 ราย ได้รายงานเข้าสู่ฐานข้อมูลโลก GISAID แล้ว โดยเป็น BA.2.75 จำนวน 6 ราย
สายพันธุ์ย่อย 3 ราย คือ BA.2.75.1 , BA.2.75.2 และ BA.2.75.3 ซึ่งแต่ละรายมีอาการไม่มากและรักษาหายแล้ว
ส่วนกรณีการเผยแพร่ข้อมูลสายพันธุ์ BJ.1 ข้อเท็จจริงไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ แต่เป็นการเรียกชื่อของ BA.2.10.1 ซึ่งมีการกลายพันธุ์เพิ่มเติม การเรียกชื่อโดยเติมจุดเพิ่มจะเรียกยาก จึงเรียกรวบเป็น BJ ถือเป็นลูกหลานของ BA.2
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ร่วมมือกับเครือข่ายการตรวจสายพันธุ์ทั่วโลก เฝ้าระวังการกลายพันธุ์และรายงานต่อ GISAID อย่างต่อเนื่อง หากพบสัญญาณว่าตัวใดมีปัญหาจะจับตาเป็นพิเศษ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณการกลายพันธุ์ที่ต้องกังวล ขอให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ มาตรการฉีดวัคซีนและการป้องกันตนเอง ทั้งใส่หน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง ยังใช้รับมือการแพร่ระบาดได้ทุกสายพันธุ์
..
#โควิดกลายพันธุ์