ฝนฤดูมรสุมของปากีสถานและธารหิมะละลายในพื้นที่ภูเขาสูงทางภาคเหนือของประเทศ ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายท้องที่ทั่วประเทศมานับตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน ชาวบ้านเสียชีวิตกว่า 1,400 ราย บ้านเรือน 33 ล้านหลัง ถูกกระแสน้ำซัดเสียหาย ถนน ทางรถไฟ สัตว์เลี้ยงและพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย หลายฝ่าย คาดว่า ปากีสถานอาจจะได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่าสามเท่าเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ตอนแรกคือ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นางเชอร์รี ราห์มาน รัฐมนตรีด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของปากีสถาน เปิดเผยว่า ปากีสถานอาจจะใช้เวลาอีก3- 6 เดือน ระดับน้ำในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมทางภาคเหนือของประเทศจึงจะค่อยๆลดลง พร้อมแสดงความกังวลเรื่องเชื้อโรคที่มาพร้อมกับน้ำท่วม เช่น โรคท้องร่วงและโรคไข้เลือดออกซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค โดยเฉพาะในเมืองการาจี เมืองเอกของแคว้นสินธ์ มีคนไข้จากโรคไข้เลือดออกหลายพันคนซึ่งไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลรัฐ หรือโรงพยาบาลเอกชน ระบุว่า จำนวนคนไข้จากโรคไข้เลือดออกในปีนี้สูงกว่าปีที่แล้วร้อยละ 50
นางราห์มาน กล่าวว่า ชาวบ้าน 584,246 คนเข้าพักในศูนย์พักพิงชั่วคราวทั่วประเทศ ซึ่งถ้าเกิดปัญหาวิกฤตทางสาธารณสุข เช่น โรคระบาด การควบคุมโรคจะดำเนินการอย่างยากลำบาก ขณะเดียวกัน ปากีสถาน อาจจะประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร เนื่องจากร้อยละ 70 ของพื้นที่เพาะปลูกพืชทางการเกษตรของประเทศ เช่น ข้าวเปลือกและข้าวโพด ถูกน้ำท่วมเสียหาย และประชาชนในพื้นที่ประสบภัยต้องการความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมโดยด่วน เช่น อาหาร เต็นท์พักแรมและยารักษาโรค
ด้านรัฐบาลปากีสถานและนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวถึง การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลกว่า เป็นสาเหตุสำคัญทำให้อากาศแปรปรวน ฝนตกหนักกว่าทุกปี ทำให้พื้นที่หนึ่งในสามของปากีสถานถูกน้ำท่วม
#ปากีสถาน
#น้ำท่วม