นางเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 ในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.65 ทำให้อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯขยับขึ้นมาอยู่ระหว่างร้อยละ 2.25-2.50 เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยในระยะสั้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ให้ชะลอตัวหนักเกินไป(soft landing)
นางเยลเลน มั่นใจว่า ในปัจจุบันตลาดแรงงานของสหรัฐฯยังเข้มแข็ง เมื่อเดือนที่แล้ว ส.ค.65 มีการจ้างงานใหม่อีก 528,000 ตำแหน่ง ขณะที่ อัตราการว่างงานในเดือนนี้ อยู่ที่ร้อยละ 3.7 ชี้ว่า คนงานจำนวนมากที่ตกงานในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง
เมื่อเดือน มิ.ย.65 อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี อยู่ที่ร้อยละ 9.1 ก่อนที่จะลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 8.5 ในเดือนก.ค.65 แต่ยังสูงเกินเป้าคือ ร้อยละ 2 จะทำให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อค่อยๆลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2 ในระยะยาว ขณะเดียวกัน ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯจะใช้อัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นเกณฑ์ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในการเสนอบริการเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าประเภทบริษัท การกำหนดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงจะส่งผลให้การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนของเอกชนลดลง จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯชะลอตัว
ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า ในปีนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเติบโตร้อยละ 2.3 เนื่องจาก เงินเฟ้อสูงและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่สูงของเฟด
#สหรัฐฯ
#การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
#ชะลอตัวทางเศรษฐกิจ