ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ต่ออายุการบังคับใช้กฎหมายภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ที่ประกาศโดยอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช สืบเนื่องจากเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 โดยในบันทึกของประธานาธิบดี ระบุว่า ให้ต่ออายุอีก 1 ปี เนื่องจากภัยคุกคามจากการก่อการร้ายที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 ราย ยังเป็นภัยคุกคามสหรัฐอเมริกา ดังนั้น อำนาจและหน่วยงานที่นำมาใช้เพื่อจัดการกับเหตุโจมตีจะมีผลบังคับใช้ต่อไปหลังจากวันที่ 14 กันยายน 2565
โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไบเดน มีการลงนามขยายการบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับ รวมถึงการต่ออายุภาวะฉุกเฉินที่ประกาศโดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการคุกคามของต่างชาติ การแทรกแซงหรือบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของสาธารณชนในการเลือกตั้งของสหรัฐ ซึ่งนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว ประธานาธิบดีไบเดนได้ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติอย่างน้อย 6 ฉบับ และขยายเวลาการบังคับใช้อีกหลายครั้ง ซึ่งเป็นการออกคำสั่งที่ไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
ในวันนี้ (11 ก.ย.) ประธานาธิบดีไบเดน จะร่วมในงานรำลึก 21 ปีที่กระทรวงกลาโหม โดยจะกล่าวสุนทรพจน์และวางพวงมาลา ขณะที่นางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะเดินทางไปร่วมงานรำลึก ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติเที่ยวบิน 93 เมืองแชงค์สวิลล์ รัฐเพนซิลเวเนีย และนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีกับสามีของเธอจะร่วมงานที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติในนิวยอร์ก
ในถ้อยแถลงของประธานาธิบดีที่มีการเผยแพร่ก่อนที่งานรำลึกจะเริ่มขึ้น ระบุว่า ในการรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนไม่ได้มารวมตัวกันเพื่อเชิดชูความทรงจำของผู้เสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังเพื่อสร้างอนาคตที่คู่ควรกับความฝันของพวกเขา เพื่อค้นหาแสงสว่างในความมืด ความเข้มแข็งในสถานที่ที่แตกสลาย และความจริงที่ยิ่งใหญ่และชัดเจนเกี่ยวกับอเมริกาคือ: เราไม่ถูกทำลาย เราไม่เคยยอมแพ้ เราไม่เคยถอยหลัง
...
#21ปี11กันยายน
#สหรัฐอเมริกา