โคปา-โคเกคา (Copa-Cogeca) ซึ่งเป็นสหภาพเกษตรกรแห่งยุโรป และ ฟู้ดดริงค์ ยุโรป (FoodDrink Europe) และ พีเอฟพี (PFP) ซึ่งเป็นสมาคมผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ 2 แห่ง ออกแถลงการณ์ว่า มีบริษัทด้านการเกษตรและอาหารในยุโรปจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่กำลังเผชิญปัญหาในการดำเนินงาน ทำให้ต้องปิดตัวหรือลดกำลังการผลิต สืบเนื่องมาจากวิกฤตราคาพลังงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้เกิดการขาดแคลนสินค้าการเกษตร
นายเปกกา เปโซเนน เลขาธิการใหญ่ของโคปา-โคเกคา เปิดเผยว่า เนื่องจากระบบทำความเย็นต้องใช้พลังงานมาก บริษัทหลายแห่งจึงต้องลดต้นทุน และลดกำลังการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขาดแคลนอาหาร และราคาอาหารจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น จึงเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนเพื่อชดเชยต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น มีการจัดทำแผนปันส่วนพลังงาน ที่ให้ความสำคัญกับภาคการผลิตอาหาร เพื่อไม่ให้สถานการณ์ร้ายแรงไปกว่านี้ เขาอธิบายว่า การพาสเจอร์ไรส์และกระบวนการผลิตนมผงนั้นใช้พลังงานมาก ราคาเนยในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 ในเดือนกรกฎาคมปีนี้ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนราคานมผงเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 และเนื้อวัวสูงขึ้นร้อยละ 28 ขณะที่เกษตรกรที่ต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ลดการปลูกผักและผลไม้ผู้ผลิตบางรายกล่าวว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโรงเรือนของพวกเขา สูงกว่ารายรับจากการจำหน่ายผลผลิต บริษัทนอร์ดิก กรีนส์ ผู้ปลูกมะเขือเทศรายใหญ่ที่สุดของสวีเดน ประกาศงดปลูกพืชผลในฤดูหนาวเพราะไม่สามารถรับภาระค่าไฟฟ้าได้
ทั้งนี้ ราคาอาหารโลกปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ และแม้ว่าดัชนีจากองค์การสหประชาชาติจะชี้ว่า ราคาอาหารโลกปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันนับจากนั้น แต่ก็ยังสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว
…
#วิกฤตพลังงานยุโรป
#วิกฤตอาหาร