น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยเดือนก.พ.2558 มูลค่า 1.72หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 6.14 ส่วนนำเข้ามีมูลค่า1.68 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ1.47 ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า เดือนก.พ. 390 ล้านบาท ขณะที่การส่งออก 2 เดือนมีมูลค่า 3.44หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 4.82 ส่วนนำเข้า 3.45 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 6.69 ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าช่วง2เดือนมูลค่า 66 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวตามที่คาดและราคาน้ำมันลดลง
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แม้การส่งออกของไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2558 จะติดลบร้อยละ 6.14 สูงที่สุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557 ที่ติดลบร้อยละ 7.4 หนักสุดในรอบ 6 เดือน แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กังวล เพราะหากไม่รวมน้ำมันสำเร็จรูปกับทองคำส่งออกจะลดลงเพียงร้อยละ 2.4 ซึ่งไทยถือว่ามีปัญหาระดับกลาง ๆ ยังดีกว่าอีกหลายประเทศที่ต่างก็กำลังมีปัญหาการค้าหดตัว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เช่น อินโดนีเซีย การส่งออกลดลงร้อยละ 11.9 อินเดีย ลดลงร้อยละ 11.2 และสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 5 รวมทั้งสาเหตุหลักที่ทำให้การส่งออกไทยขยายตัวติดลบมาจากยอดส่งออกในกลุ่มสินค้าเกษตร ซึ่งติดลบถึงร้อยละ 12.5 โดยเฉพาะยางพารา ติดลบถึงร้อยละ 38 จากการชะลอคำสั่งซื้อของประเทศคู่ค้า ขณะที่สินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 3.7 ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป ลดลงร้อยละ 26.8 เคมีภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 20.3 ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลง รวมทั้งการส่งออกทองคำที่ลดลงถึงร้อยละ 66 เนื่องราคาปรับลดลงทำให้ผู้ส่งออกหันไปนำเข้า เพื่อเก็งกำไรแทน แต่หากไม่รวมทองคำกับน้ำมันสำเร็จรูปส่งออกสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมจะยังขยายตัวได้ร้อยละ 1.9 ส่งผลให้ระยะ 2 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่าการส่งออกรวม 34,478 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังติดลบร้อยละ 4.82 หลังสิ้นสุดไตรมาสแรกปีนี้จะรวบรวมข้อมูล เพื่อทบทวนเป้าหมายการส่งออกปีนี้ใหม่ จากเดิมเคยตั้งเป้าหมายไว้ว่าการส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 4 หลังจากนี้จะรวบรวมปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการส่งออกระดับชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ระบบโลจิสติกส์ ศุลกากร และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า ลดภาระผู้ส่งออก แต่ในส่วนของสินค้าเกษตร หากเศรษฐกิจจีนดีขึ้น ก็มั่นใจว่ายอดส่งออกจะดีขึ้นได้