หลังจากที่นางลิซ ทรัสส์ อายุ 47 ปี รัฐมนตรีต่างประเทศ ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม พรรครัฐบาลอังกฤษ เมื่อวานนี้(5 ก.ย.65) ด้วยคะแนน 81,326 คะแนน(ร้อยละ 57.4) ขณะที่ นายริชิ ซูนัค อดีตรัฐมนตรีคลัง รั้งอันดับที่ 2 ด้วยคะแนน 60,399 คะแนน(ร้อยละ 42.6) ทำให้เธอเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยปริยายในฐานะหัวหน้าพรรคที่ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ และจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของพรรคอนุรักษ์นิยมในรอบ 4 ปี
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า นางลิซ ทรัสส์ จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่พระตำหนักแบลมอรัลในเมืองแอเบอร์ดีน สกอตแลนด์ ในวันนี้ เพื่อรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมแต่งตั้งส.ส.ในพรรคอนุรักษ์นิยมที่มีแนวคิดตรงกันเข้าร่วมทำงานในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทันที เพื่อทำงานแข่งกับเวลา รวมทั้งจัดทำมาตรการแก้ปัญหาเร่งด่วน เช่น ปัญหาค่าครองชีพแพง
รายงานคาดว่า นายควาซี ควาร์เต็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธุรกิจ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีคลัง นางซูเอลลา เบรฟเวอร์แมน อัยการสูงสุด จะได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีความมั่นคงภายใน และนายเจมส์ เคลฟเวอร์ลีย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ
ด้านแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังของอังกฤษ ระบุว่า นางทรัสส์ จะประกาศโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 100,000 ล้านปอนด์ รวมถึง การตรึงราคาค่าไฟฟ้าของครัวเรือนที่ระดับปัจจุบันคือ 1,971 ปอนด์ต่อปี แทนที่จะปรับขึ้นเป็น 3,549 ปอนด์ต่อปีในเดือนหน้า ซึ่งผู้ใกล้ชิด ระบุว่า นางทรัสส์ ต้องการจะตรึงค่าไฟฟ้าไปจนถึงการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าในปี 2567 พร้อมทั้งมีแผนต่ออายุสัมปทานให้กับบริษัทพลังงานเอกชนที่ผลิตก๊าซธรรมชาติในทะเลเหนือ(ทางตะวันออกของอังกฤษ) และจะแถลงนโยบายการช่วยเหลือสำหรับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจปลายสัปดาห์นี้
ขณะเดียวกัน นางทรัสส์ จะต้องเร่งจัดทำมาตรการต่างๆเพื่อขับเคลื่อนประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรงที่สุดในรอบหนึ่งชั่วอายุคน เนื่องจาก อังกฤษใกล้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อีกทั้งจะต้องพิสูจน์ตัวเองในด้านภาวะผู้นำเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของบรรดาส.ส.ในพรรค หลังมีความแตกแยกในช่วงแข่งขันชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคคนใหม่ตลอด 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านผลสำรวจของยูกัฟ (YouGov) พบว่า ร้อยละ 50 ของชาวอังกฤษ ระบุว่า พวกเขารู้สึกผิดหวังที่นางทรัสส์เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในจำนวนนี้ รวมถึงหนึ่งในสาม (หรือร้อยละ 33) ซึ่งระบุว่า รู้สึกผิดหวังมาก สูงกว่าร้อยละ 22 ที่ระบุว่า รู้สึกยินดี
#ทรัสส์
#นายกรัฐมนตรีคนใหม่
#อังกฤษ