*นายกฯย้ำปสง.แก้น้ำท่วม/ลูกเรือประมงไทยกลับบ้านพรุ่งนี้ /กสม.ไม่ได้เยี่ยมผตห.คดีระเบิด*

*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.

+++ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) สั่งการให้ ดูแลปัญหาน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ใน กทม. ซึ่งได้เตือนไปแล้วว่าจะมีพายุฤดูร้อนเข้ามา เตือนเมื่อ 2 สัปดาห์ด้วยซ้ำไป หน่วยงานที่รับผิดชอบกันแค่ไหนจะไล่ตรวจสอบการระบายน้ำของ กทม.และให้จัดการน้ำทั้งระบบ เพราะที่ผ่านมาทำงานเชิงรับมาตลอด

+++นายกฯยังสั่งให้ พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงมหาดไทย ไปดูแลในต่างจังหวัดและให้คสช.เตรียมกำลังทหาร เข้าช่วยเหลือซึ่งข้อสังสัยว่ามีการเตรียมการแต่ทำไม น้ำถึงท่วมขังได้จึงต้องเตรียมมาตรการแก้ไขจากนี้จะเข้มงวดมากขึ้น.

 +++ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวว่าการที่นายกรัฐมนตรี สั่งให้ไปดูแล กทม.เร่งแก้ปัญหาการระบายน้ำนั้น ได้สั่งให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ให้เร่งแก้ไขแล้วซึ่งผู้ว่า กทมได้แถลงข่าวแล้วว่าจะรับผิดชอบซึ่งจะเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้รับมือโดยด่วน

++++หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อม คณะผู้บริหารจัดการน้ำในพื้นที่กทม.ร่วมแถลงหลังเกิดพายุฝนถล่มกรุงเทพฯมีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ว่าการระบายน้ำของ กทม. สามารถรับมือน้ำฝนได้ในระดับ 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงแต่น้ำท่วมขัง เมื่อบ่ายวันที่ 24 มีนาคมเกิดจากฝนนอกฤดู ที่ตกนานกว่า2ชั่วโมง โดยไม่ได้คาดคิดว่าจะตกหนักขนาดนี้ ขอยอมรับความผิดพลาดในการรับมือฝนนอกฤดู แต่ระบบระบายน้ำ กทม.ทำงานได้เต็มที่ แม้ไม่ได้เตรียมรับมือยังระบายน้ำในจุดวิกฤติได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง และขอยืนยันว่า จะทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ในการดูแลป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม พร้อมรับมือหน้าฝน

 ++++ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม พบว่ามีหลายจุดใน กทม.และปริมณฑล ที่มีการทรุดตัวสูงถึง 2-3 เซนติเมตรต่อปี ซึ่งพื้นที่เหล่านี้นับวันจะกลายเป็นหลุมมากขึ้น ขณะที่พื้นที่กทม.เองก็ทรุดตัวไม่เท่ากัน บางจุดยกตัวขึ้น ทำให้น้ำไหลไปรวมในแอ่งพื้นที่ที่ทรุดตัว อย่างไรก็ดี พื้นที่ กรุงเทพฯ ถือว่ายากมากในการแก้ปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากหน้าฝนมีน้ำเหนือไหลบ่า หน้าร้อนมีพายุฤดูร้อน หรือต้นฤดูฝนก็มีฝนตกลงมาโดยตรง  ขณะที่ ช่วงเดือน ธ.ค.-ม.ค. ก็มี น้ำทะเลหนุนอีก เพราะฉะนั้นจะต้องมีถึง 3 ระบบที่จะแก้ปัญหาได้ในทุกฤดูกาล

++++ด้าน ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด นักพูด นักบรรยาย และพิธีกร ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการแถลงข่าวของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ว่าฟังผู้ว่าฯ กทม. แถลงเรื่องน้ำท่วมแล้วผิดหวังจริง ๆ ลองทบทวนดูเถิดว่าท่านทำอะไรถูกบ้าง หรือท่านคิดว่าท่านเป็นมา 2 สมัย แล้วท่านจะไม่ลงสมัครอีกจึงไม่สนใจว่าประชาชนจะคิดอย่างไรกับท่าน

+++เมื่อช่วงเย็นวันเดียวกัน เกิดฝนตกกระหน่ำทั่วกรุงเทพฯ นานนับชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังหลายจุดในพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณหน้าศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ น้ำท่วมขังบนถนนตลอดด้านหน้าศูนย์ราชการฯ มุ่งหน้าไปห้าแยกปากเกร็ดมีน้ำท่วมสูง  20-30 ซม. บางส่วนท่วมเลยขึ้นมาถึงฟุตบาท ชะลอตัวรถติดขัดสะสมต่อเนื่องไปยังถนนสายอื่น ๆ อาทิ ถนนรามอินทรา ถนนวิภาวดีฯ ถนนพหลโยธิน หลายสิบกิโลเมตร อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการระบายน้ำที่ท่วมขังออกจากพื้นผิว จราจรและเร่งระบายรถอย่างเร่งด่วนแล้ว  กระทั่งเวลา 21.30 น. สำนักระบายน้ำกทม.แจ้งว่ามีปริมาณฝนตกหนักสูงสุดที่เขต สายไหม 111.5 มิลลิเมตร รองลงมาที่เขตบางเขน 110.5 มิลลิเมตร โดยฝนได้กระจายตัวไปทางเขตคลองสามวา, มีนบุรีและเขตหนองจอกรวมทั้งบางส่วนของ จ.สมุทรสาคร ทำให้เกิดท่วมขังบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำหลายจุด

+++ ด้าน นายศักดิ์ชัย อรุณรักถาวร รอง ผอ.ท่าอากาศยานดอนเมือง ชี้แจงกรณีมีเครื่องบินโดยสารไม่สามารถร่อนลงจอดได้ว่า ไม่ได้เกิดจากน้ำท่วมรันเวย์ แต่ตามกฎการบินหากทัศนวิสัยเลวร้ายนักบินต้องบังคับเครื่องให้อยู่บนท้องฟ้า เพื่อรอจนกว่าทัศนวิสัยจะดีขึ้นแล้วจึงค่อยน้ำเครื่องลงจอดเพื่อความปลอดภัย ของผู้โดยสาร ขณะที่เครื่องที่จะบินขึ้นยังดำเนินการได้ตามปกติ    ขณะเดียวกัน บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) รายงานผลกระทบการล่าช้าของเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง เนื่องจากมีสภาพอากาศ พายุฝนฟ้าคะนอง มีเที่ยวบินรับผล กระทบกว่า 108 เที่ยวบิน โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับผลกระทบมากสุด เฉลี่ยเที่ยวบินละ 25 นาที ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง มีอากาศยานบินวนรอภาคอากาศ 5 เที่ยวบิน เฉลี่ยเที่ยวบินละ 6 นาที มีบินเข้ามาลงแต่ไม่สามารถลงได้ ต้องทำการบินขึ้นไปใหม่ 7 เที่ยวบิน ขอเปลี่ยนเส้นทางไปลงสนามบินสำรอง 5 เที่ยวบิน

+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีแรงงานไทยในอินโดนีเซียถูกหลอกไปเป็นลูกเรือและกลายเป็นคนตกเรือ เนื่องจากถูกปลอมเอกสารหลักฐานจนไม่มีตัวตนว่า รัฐบาลดำเนินการมาตลอด ครั้งที่ผ่านมาก็ช่วยเหลือมาได้ 26 ราย เรื่องนี้อย่าเพิ่งขยายความ เพราะบางข่าวเป็นอันตรายกับประเทศในเรื่องความมั่นคง อยากถามว่ารัฐบาลที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ จะให้ตนทำทุกอย่างเสร็จในเวลาแป๊บเดียวแล้วไล่ตนไป มันได้ที่ไหน รัฐบาลพยายามเจรจาพูดคุยมาตลอด หากสื่อตีข่าวนี้ออกไปรู้หรือไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร จะเกิดเรื่องการค้ามนุษย์ทันที ถ้าเขาไม่ซื้อปลา 2 แสนกว่าล้านตัน พวกตีข่าวจะต้องรับผิดชอบ ถามว่ามันง่ายหรือไม่ และผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่ยอมรับอะไรซักอย่าง จะเอาแต่สิทธิเสรีภาพ จะไปไหนก็ได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต เรือสี่ห้าลำชื่อเดียวกันได้หรือไม่ วันนี้รัฐบาลกำลังขึ้นทะเบียนเรือ และติดจีพีเอสบนเรือ จับปลาที่ไหนมาต้องแสดงให้เห็นว่าจับมาจากไหน ไม่ใช่นอกน่านน้ำ ต้องไปในพื้นที่ถูกต้อง คนงานต้องมีใบอนุญาต

+++ด้านสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา เตรียมส่งลูกเรือประมงไทยที่ตกค้างที่เกาะอำบน อินโดนีเซีย  21 คน กลับไทย 27 มีนาคมนี้ ขณะที่ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมเดินทางไปเกาะอำบน เพื่อร่วมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือลูกเรือประมงไทย พร้อมทั้งประสานงานและสร้างเครือข่ายกับฝ่ายอินโดนีเซีย  ตามขั้นตอนต่างๆ อาทิ การพิสูจน์สัญชาติ การตรวจสอบประวัติการเข้าเมืองและการทำผิดกฎหมายท้องถิ่น ก่อนที่จะสามารถส่งลูกเรือประมงไทยกลับไทยได้ โดยใช้ระยะเวลาแตกต่างกันไปตามกรณี

+++เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ไม่อนุญาตให้  นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง พร้อมกับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เยี่ยมผู้ต้องหาคดีวางระเบิดหน้าศาลอาญา ถ.รัชดา จำนวน 9 ราย  นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า  เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องด่วน เป็นเรื่องที่สหประชาชาติและองค์กรสิทธิฯ ทั่วโลกได้ขอให้ กสม.เข้ามาตรวจสอบ  รวมทั้งเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ เราจึงได้ทำหนังสือแจ้งให้กรมราชทัณฑ์ทราบ ในเมื่อยังไม่มีคำตอบก็ถือว่ากรมราชทัณฑ์ไม่ให้ความร่วมมือกับ กสม.ในการทำหน้าที่ ทั้งที่การตรวจสอบของ กสม.นั้นจะช่วยทำให้เห็นความชัดเจนในการปกครองท่ามกลางที่มีกฎอัยการศึกว่ายังให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชน กสม.มาทำงานให้กับรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลดูมีศักดิ์ศรีมากขึ้น กสม.มาตรวจเยี่ยมตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งตามกฎหมายกสม.ถือเป็นเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา การมาตรวจสอบเพื่อเป็นการยืนยันความชัดเจนในเรื่องการทำงานที่เปิดเผยและโปร่งใสของหน่วยงายของรัฐ ในวันที่ 30 มี.ค. นี้ เวลา 14.00 น.คณะอนุกรรมการฯ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และผู้ร้อง มาประชุมเพื่อชี้แจง 

+++ความคืบหน้า คนร้ายบุกสังหารพระบัณฑิต สุปัณฑิโต หรือ พระอาจารย์หมอ อายุ 48 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าตอ จ.อุดรธานี ตำรวจออกหมายเรียกนายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ หรือ เสี่ยบั๊ก  ประธานบริหาร รพ.เอกอุดร มาสอบปากคำ เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่เจ้าตัวยืนกรานปฏิเสธไม่รู้เรื่อง ล่าสุด ตำรวจ จับกุมนายปัญจ๋า หรือโบ้ ชารีแสน อายุ 49 ปี มือปืนยิงพระอาจารย์หมอ ที่สารภาพว่าได้ค่าจ้าง 50,000 บาท จาก ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่ สส.สภ.เมืองอุดรธานี รวมทั้งเป็นผู้จัดหาปืนลูกซองดัดแปลงลำกล้องใช้กระสุนเอ็ม 16 และขับรถพาไปสังหารเป้าหมาย เบื้องต้นเชื่อว่าสาเหตุจากขัดแย้งเรื่องชู้สาวเกี่ยวกับหญิงสาวชื่อหมอแก้วตามข่าวนั้น   จากนั้น ได้นำตัวนายปัญจ๋า กลับไปที่ จ.อุดรธานี  เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดก่อเหตุสังหารพระบัณฑิต บนถนนเชื่อมหมู่บ้านสีเสียดกับวัดป่าตอสีเสียด จากนั้นนำไปฝากขังที่ศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี 7 วัน หาก ด.ต.ชาญชัยพยายามต่อสู้ขัดขืนการไล่ล่าตัว ตำรวจอาจต้องวิสามัญ ดังนั้นขอให้เข้ามอบตัวดีกว่า

+++เฟซบุ๊กแฟนเพจอย่างเป็นทางการของ วันไดเรกชั่น (One Direction) บอยแบนด์ชื่อดัวจากเกาะอังกฤษ ประกาศข่าวร้ายแก่แฟนคลับว่า เซน มาลิค สมาชิกของวงได้ประกาศขอลาออกจากวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากอยู่ร่วมทำกิจกรรมกับวงวันไดเรกชั่นมาเป็นเวลากว่า 5 ปี เซน กล่าวว่า ชีวิตของผมกับวงวันไดเรกชั่นมันมีมากมายเกินกว่าที่ได้จินตนาการไว้ แต่หลังจาก 5 ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าถึงเวลาอันควรแล้วที่ต้องออกจากวง อยากจะทำในสิ่งที่ตรงกับที่หัวใจต้องการ อยากจะเป็นคนหนุ่มวัย 22 ปีที่สามารถผ่อนคลายและใช้ชีวิตที่เป็นส่วนตัวโดยที่ไม่มีสปอตไลท์ตามส่อง