สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ เอฟดีเอ ของสหรัฐฯ ออกคำแนะนำปรับสูตรการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้นเป็นครั้งแรก โดยเน้นเป้าหมายไปที่สายพันธุ์โอไมครอน BA.5 ที่เป็นสายพันธุ์หลักในปัจจุบัน โดยหลังจากที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 2 แล้วเป็นเวลามากกว่า 2 เดือนให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 หรือเข็มกระตุ้นโดยใช้วัคซีนของไฟเซอร์รุ่นดั้งเดิมสำหรับทุกคนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ร่วมกับวัคซีนรุ่นใหม่ของโมเดอร์นาสำหรับผู้ใหญ่
หากรับวัคซีนแล้วมากกว่า 3 เข็ม ให้ใช้แนวทางเดียวกันนี้สำหรับวัคซีนเข็มต่อไป
ดร.โรเบิร์ต แคลิฟ กรรมการของ เอฟดีเอ กล่าวว่า แนวทางใหม่นี้จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดระลอกต่อไปได้ เนื่องจากจนถึงปัจจุบัน วัคซีนป้องกันโควิดมีการกำหนดเป้าหมายไปที่สายพันธุ์โคโรนาไวรัสดั้งเดิม ขณะที่มีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง จึงให้ใช้วัคซีนเข็มกระตุ้นแบบผสมหรือช็อต "ไบวาเลนท์" (bivalent) ประกอบด้วยวัคซีนสูตรดั้งเดิมครึ่งหนึ่ง และวัคซีนรุ่นใหม่ที่ป้องกันโอไมครอนครึ่งหนึ่ง เพื่อเพิ่มการป้องกันกรณีการกลายพันธุ์แบบข้ามสายพันธุ์จากหลายตัวแปร
ดร.อันนาเลซา แอนเดอร์สัน หัวหน้าแผนกวัคซีนของไฟเซอร์ กล่าวว่า แนวทางของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในครั้งนี้ คือโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกัน และไฟเซอร์แจ้งว่าสามารถจัดส่งวัคซีนล็อตแรกได้ภายในเวลาไม่เกินสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม มีชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้วเพียงครึ่งหนึ่งมารับวัคซีนเข็มที่ 3 เมื่อครบกำหนดเวลา โดยในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี มีเพียงหนึ่งในสามที่ได้รับการฉีดวัคซีน และยังไม่ชัดเจนว่าแนวทางใหม่นี้จะทำให้มีชาวอเมริกันมารับวัคซีนเข็มที่ 3 เพิ่มขึ้นหรือไม่
นายแอนดรูว์ เปคอสซ์ นักไวรัสวิทยา จากจอห์น ฮอปกิ้นส์ ขอให้ทุกคนตระหนักว่าแนวทางการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะทำงานได้ดีขึ้นในการป้องกันโอไมครอน และผู้ที่เคยติดเชื้อแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อซ้ำ
…
#สหรัฐอเมริกา
#วัคซีนบูสเตอร์