หลังรัสเซียและยูเครน กล่าวหากันว่า ยิงปืนใหญ่ใกล้พื้นที่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนตลอด 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา เสี่ยงทำให้เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี นายราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) หน่วยงานตรวจสอบด้านนิวเคลียร์ในสังกัดของสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ระบุทางทวิตเตอร์ว่า คณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอ ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติกรุงเวียนนา ออสเตรเลียในวันนี้ มุ่งหน้าไปที่ยูเครน เพื่อไปตรวจสอบความเสียหายเกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียในสัปดาห์นี้ ภารกิจของคณะผู้เชี่ยวชาญไอเออีเอ คือ การปกป้องความมั่นคงปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของยูเครนและยุโรป
นายกรอสซี ระบุว่า ไอเออีเอได้รับรายงานเรื่องการยิงปืนใหญ่ครั้งใหม่ๆในพื้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ บ่อยครั้ง ตลอด 3-4 สัปดาห์ที่แล้ว ดังนั้นหากไอเออีเอ ปล่อยให้ระยะการไปตรวจสอบความเสียหายของโรงไฟฟ้าล่าช้ามากกว่ากว่านี้ ความเสียหายต่อโรงไฟฟ้าอาจรุนแรงมากขึ้น สำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าวอยู่ในความควบคุมของรัสเซียมาตั้งแต่เดือนมีนาคม
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน ระบุว่า ถ้าพนักงานฝ่ายปฏิบัติการของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียไม่ตัดสินใจตัดการเชื่อมต่อระบบจ่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กับไฟฟ้าแรงสูง พร้อมทั้งเปิดเครื่องยนต์สำรอง เพื่อปั่นไฟฟ้ามาเลี้ยงระบบไฟฟ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว โรงไฟฟ้าดังกล่าวอาจจะเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี พร้อมกล่าวหารัสเซียยิงปืนใหญ่โจมตีใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทำให้เสาไฟแรงสูงของยูเครนเสียหาย อีกทั้งทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าเป็นครั้งแรกนับแต่เริ่มเปิดใช้งานครั้งแรกในปี 2528
#ไอเออีเอ
#โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยูเครน