นายโจนาธาน เบลีย์ ซีอีโอของสำนักงานการไฟฟ้าแก๊สและการตลาด (Ofgem) องค์กรของรัฐบาลอังกฤษที่มีหน้าที่กำหนดเพดานค่าไฟฟ้าสำหรับภาคครัวเรือน เปิดเผยว่า ค่าไฟฟ้าของครัวเรือนในอังกฤษจะเพิ่มร้อยละ 80 เฉลี่ย 3,549 ปอนด์หรือราว 150,970 บาทต่อปี นับตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ หมายความว่า ค่าไฟฟ้าสำหรับครัวเรือน 24 ล้านครัวเรือนจะเพิ่ม 3 เท่าจากเดิมเฉลี่ย 1,277 ปอนด์หรือ 54,401 บาทต่อปีในเดือนตุลาคมปีก่อน
อีกทั้งงวดต่อไปที่จะมีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าคือ เดือนมกราคมปีหน้า สะท้อนถึงแรงกดดันอย่างมีนัยสำคัญในตลาดพลังงานของอังกฤษทำให้ภาครัฐต้องปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
นายเบลีย์ระบุว่า ปัญหานี้เป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลชุดต่อไป ไม่ว่าใครจะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ระหว่างหนึ่งในสองคู่ชิงเก้าอี้นายรัฐมนตรี คือนางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศ กับนายริชี ซูนัก อดีตรัฐมนตรีคลัง ที่ชนะการโหวตจากสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคอนุรักษ์นิยม พรรครัฐบาล ซึ่งจะเข้ามาบริหารประเทศแทนนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำคนปัจจุบันตั้งแต่วันที่ 5 กันยายนนี้ ต้องมีมาตรการที่ชัดเจน เพื่อแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพงในเดือนตุลาคมนี้ และในปีหน้าเนื่องจากมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายของครัวเรือนทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน ราคาค่าส่งพลังงานที่สูงขึ้นกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลก ด้านรัฐบาลส่วนใหญ่ในกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)รณรงค์ให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติอย่างประหยัด พร้อมทั้งจัดซื้อพลังงานเพิ่มเติมมาเติมคลังน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูหนาวปลายปีนี้
ที่ผ่านมา ค่าไฟฟ้าเพิ่มอย่างต่อเนื่องในปีนี้ หลังราคาค้าส่งก๊าซและพลังงาน เพิ่มขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การบุกยูเครนของรัสเซียและการที่รัสเซียลดการส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อส่งไปยังยุโรป
#อังกฤษ
#ค่าไฟฟ้าเพิ่มร้อยละ80ในเดือนตุลาคมนี้
#นายกรัฐมนตรีคนใหม่