ส่งออกไทยเดือนก.ค. ขยายตัวเพียงร้อยละ 4.3 เร่งประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกรับมือ

26 สิงหาคม 2565, 12:32น.


          ภาวะการส่งออกของไทยในเดือนก.ค.2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน ก.ค.65 มีมูลค่า 23,629.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 4.3 จากเดือน ก.ค.64 จากเดิมตลาดคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ10.7-11 ทำให้การส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวร้อยละ 11.5 ที่มูลค่า 172,814.1 ล้านเหรียญสหรัฐ   โดยการส่งออกเมื่อเดือนมิ.ย. ขยายตัวถึงร้อยละ 11.9



          สินค้าที่ขยายตัวได้ดี อาทิ ผลไม้แช่แข็งและผลไม้แห้ง ไก่สดแช่เย็น แช่แข็งและไก่แปรรูป ข้าว ยางพารา ไอศกรีม อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 0.1% เนื่องจากติดปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) เป็นผลกระทบกับการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมทั้งโลก กระทบจากไต้หวันซึ่งเป็นแหล่งผลิตใหญ่ครองตลาดประมาณ 40% ของโลกกำลังประสบปัญหากับจีน



         ขณะที่ตลาดส่งออก 10 อันดับแรกยังขยายได้ดี อาทิ เกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น  39.4% ตะวันออกกลาง เพิ่มขึ้น 27.4% แคนาดา เพิ่มขึ้น 27.3% สหรัฐราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น 17.2% สหภาพยุโรป เพิ่มขึ้น 8.1% สหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 4.7%



          นายจุรินทร์ ระบุว่า แม้ตัวเลขส่งออกทั้งปีน่าจะได้เกินเป้าที่วางไว้ 4-5% เพราะ 7 เดือนขยายตัวเกิน 11% แต่ก็ยังมีหลายปัจจัยเสี่ยง จึงได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกทำแผนเชิงรุกเชิงลึกและปรับเพิ่มการส่งออก พร้อมกันนี้ได้มีการเพิ่มจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในต่างประเทศอีก 345 กิจกรรม จากเดิมเตรียมไว้ 185 กิจกรรม รวมเป็น 530 กิจกรรม กิจกรรมเน้นผลักดันอาหารและเกษตร รวมถึงส่งออกเมืองรอง ซึ่งวันที่ 28 กันยายน จะลงนามผ่านมินิเอฟทีเอ ไทยกับคยองกี เกาหลีใต้ ซึ่งจะมีการประชุมทางไกลกับทูตพาณิชย์ทั่วโลกในวันที่ 14 กันยายนนี้ เบื้องต้นมีตัวเลขคาดการณ์ใหม่แล้ว แต่อยากให้มีการประชุมกับทูตพาณิชย์ก่อน



ปัจจัยบวกสนับสนุนการส่งออก  4 ปัจจัย คือ



1.ความต้องการอาหารจากทั่วโลกยังเติบโตต่อเนื่อง ทำให้สินค้าเกษตรอาหารยังไปได้ในการส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกเติบโตได้ดี



2.การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดและการผ่อนคลายประเทศให้มีการท่องเที่ยวทำให้สินค้าบางส่วน เช่น อัญมณีเครื่องประดับ เครื่องสำอาง สบู่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์การเดินทางขยายตัวได้ดีขึ้น



3.ค่าระวางเรือมีแนวโน้มลดลง ความหนาแน่นและความล่าช้าลดลง ในการขนส่งบริเวณท่าเรือสำคัญของโลก ที่ทำให้ระบบการขนส่งคล่องตัวไม่เป็นอุปสรรคในการส่งออก และ



4.การที่ค่าเงินบาทยังอ่อนค่า ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทยในตลาดโลกโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร



          ขณะที่ปัจจัยลบต่อการส่งออกคือผลกระทบจากเงินเฟ้อทั่วโลก มีผลต่อกำลังซื้อในประเทศและนำเข้าสินค้าลดลงได้ รวมถึงผลกระทบจากสงครามรัสเซียและยูเครน และการขาดแคลนชิปเพื่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรม



          การค้าชายแดนผ่านแดนเดือนกรกฎาคม 2565 ว่า ในส่วนการส่งออกผ่านค้าชายแดน บวก 27.8% หรือมูลค่า 51,665 ล้านบาท ทำให้ 7 เดือนแรกปีนี้ การส่งออกผ่านการค้าชายแดน 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย เมียนมา ลาว และกัมพูชา มีมูลค่ารวม 376,074 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 19.9% โดย เมียนมา เพิ่ม 51.3% สปป.ลาว เพิ่ม 27% มาเลเซียเพิ่ม 23.4% กัมพูชา เพิ่ม 16.8%



          สำหรับการค้าผ่านแดนไปจีน เวียดนามและสิงคโปร์ ติดลบ 27.3% เพราะปัญหาระบบการขนส่งทางบกไปจีนและเวียดนาม ทำให้ต้องส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศแทน โดยเฉพาะส่งผ่านแดนไปจีน ลดลง 32.8% สิงคโปร์ ลด 25.1%



          ส่วนการนำเข้าในเดือน ก.ค.65 มีมูลค่า 27,289.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 23.9 จากเดือน ก.ค.64 ทำให้การนำเข้าในช่วง 7 เดือนแรกมีมูลค่า 182,730.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ  21.4 ขณะที่ดุลการค้าในเดือน ก.ค.65 ขาดดุล 3,660.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ขาดดุลรวม 9,916.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าหมวดพลังงาน



 



 



#ส่งออก



#กระทรวงพาณิชย์ 



 

ข่าวทั้งหมด

X