นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมา เปิดทางให้กลุ่มชาติพันธุ์โรฮิงญาเข้ามาช่วยแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองของประเทศ คำกล่าวของเลขาธิการสหประชาชาติมีขึ้น ในวันครบรอบปีที่ 5 ของการที่ชาวโรฮิงญาจำนวนหลายแสนคนเริ่มอพยพไปบังกลาเทศ เพื่อหลบหนีการปราบปรามของทหารในรัฐยะไข่ ทางตอนเหนือของประเทศ
นายสเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกของนายกูเตอร์เรส กล่าวว่า นายกูเตอร์เรสตั้งข้อสังเกตว่าชาวโรฮิงญาในเมียนมาถูกเลือกปฏิบัติ ถูกปฏิเสธการเป็นพลเมือง ทำให้ไม่ได้รับสิทธิหลายด้าน และเรียกร้องให้ลงโทษผู้กระทำความผิดในอาชญากรรมระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นในเมียนมา เพราะความยุติธรรมสำหรับเหยื่อจะนำไปสู่อนาคตทางการเมืองที่ยั่งยืน
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 กองทัพเมียนมาเปิดปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ที่ก่อเหตุโจมตีตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาชายแดน ทำให้มีชาวโรฮิงญามากกว่า 700,000 คน หลบหนีไปบังกลาเทศ
ในเดือนมกราคม 2563 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของสหประชาชาติ มีคำสั่งให้ทางการเมียนมาป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา และคณะกรรมการอิสระที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลเมียนมา มีรายงานระบุว่า มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า กองกำลังความมั่นคงก่ออาชญากรรมสงครามต่อชาวโรฮิงญา แต่ไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่สหรัฐฯ ระบุว่า กองกำลังความมั่นคงเมียนมาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา และมีการสังหารหมู่
เมื่อต้นเดือนนี้ นายกรัฐมนตรี ชีค ฮาซินา แห่งบังกลาเทศ กล่าวว่าผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา ประมาณ 1 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในค่ายพักชายแดนจะต้องเดินทางกลับบ้านที่เมียนมา แต่นายดูจาริก โฆษกสหประชาชาติ กล่าวว่า ยังไม่มีความเป็นไปได้ที่ชาวโรฮิงญาจะได้กลับบ้าน เพราะยังมีชาวโรฮิงญาอีกมากกว่า 150,000 คน ถูกคุมขังอยู่ในค่ายพักชาวโรฮิงญา ที่รัฐยะไข่ของเมียนมา
....
#โรฮิงญา
#สหประชาชาติ