ผลการศึกษาในอิสราเอล พบว่ายา'แพกซ์โลวิด'รักษาโควิดของไฟเซอร์ ไม่มีประโยชน์ในกลุ่มคนหนุ่มสาว

          กลุ่มนักวิจัยอิสราเอล เผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยขนาดใหญ่ ที่พบว่า ยาแพกซ์โลวิด ซึ่งเป็นยารักษาโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ ของสหรัฐฯ มีประโยชน์เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการรักษาผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นคนหนุ่มสาว แต่ยังสามารถลดความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ และกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง

          ผลจากการศึกษากลุ่มผู้ป่วย 109,000 คนในอิสราเอลครั้งนี้ มีแนวโน้มที่จะเป็นการตั้งคำถามใหม่เกี่ยวกับมาตรการของสหรัฐฯในการใช้แพกซ์โลวิด สำหรับกลุ่มผู้ติดเชื้อที่แยกกักรักษาที่บ้าน

          นักวิจัยพบว่าแพกซ์โลวิด สามารถลดการรักษาในโรงพยาบาลในคนอายุ 65 ปีขึ้นไปประมาณร้อยละ 75 เมื่อได้รับยาหลังจากติดเชื้อไม่นาน แต่ในกลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 40 ถึง 65 ปี ยานี้ไม่มีประโยชน์ในการรักษา

          ผลการวิจัย ยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โรคระบาดใหญ่ ซึ่งคนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนหรือการติดเชื้อก่อนหน้านี้

          ดร.เดวิด โบลแวร์ นักวิจัยและแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยมินนิโซตา ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษานี้ กล่าวว่า แพกซ์โลวิดยังมีความสำคัญต่อกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงสุดต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรง เช่น ผู้สูงอายุและผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง         

          อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวโต้แย้งว่าแพกซ์โลวิดช่วยลดการรักษาในโรงพยาบาลในกลุ่มคนอายุ 50 ปีขึ้นไป

          แพกซ์โลวิดเป็นยาแพ็กคู่ ประกอบด้วยยาต้านไวรัส 2 ชนิด คือ เนอร์มาเทรลเวียร์ (Nirmatrelvir) และริโทนาเวียร์ (Ritonavir) ผู้ป่วยจะรับประทานยาเนอร์มาเทรลเวียร์ 2 เม็ด และยาริโทนาเวียร์ 1 เม็ด รวมเป็น 3 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ยาเนอร์มาเทรลเวียร์ เป็นยาที่พัฒนาขึ้นสำหรับการรักษาโควิด-19 โดยเฉพาะ มีคุณสมบัติยับยั้งการสร้างโปรตีนของไวรัส ส่วนยาริโทนาเวียร์ มีประสิทธิภาพในการชะลอการสลายของยาเนอร์มาเทรลเวียร์ ทำให้ยาออกฤทธิ์นานขึ้น

          องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือเอฟดีเอ อนุมัติให้ใช้ยาแพกซ์โลวิดเป็นยารักษาโควิด-19 แบบรับประทานชนิดแรก เมื่อเดือนธันวาคม 2564 ส่วนในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เห็นชอบให้ใช้ยานี้เมื่อเดือนมกราคม 2565

....

#ยาแพกซ์โลวิด

#สหรัฐอเมริกา

#อิสราเอล