การประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวาน(21 ส.ค.65) ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ของเยอรมนี ขอให้คู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายคือ รัสเซียและยูเครน เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยอาคารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริเซีย ทางภาคใต้ของยูเครนมากขึ้น ขอให้ทั้งสองฝ่ายเลี่ยงการสู้รบบริเวณโดยรอบของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หวั่นเกรงเกิดภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ซ้ำรอยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลของยูเครนในปี 2529 พร้อมย้ำจุดยืนการสนับสนุนยูเครนในการสู้รบเพื่อป้องกันดินแดนจากการรุกรานของรัสเซีย
ผู้นำของประเทศทั้ง 4 ขานรับท่าทีเชิงบวกจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเรื่องการอนุญาตให้คณะผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศจากสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล(IAEA)ในกรุงเวียนนา ออสเตรีย ไปตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอนาคตอันใกล้ ที่ผ่านมา ทั้งรัสเซียและยูเครน ต่างกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นฝ่ายยิงปืนใหญ่โจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริเซียตลอด 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน แถลงต่อประชาชนทั่วประเทศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลเมื่อวาน ขอให้ประชาชนในพื้นที่สู้รบ เพิ่มการระมัดระวังอันตรายที่จะเกิดจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เตือนว่า รัสเซียอาจจะลงมือทำการบางอย่างอย่างโหดร้าย และน่าตำหนิ ระบุว่า หนึ่งในเป้าหมายของฝ่ายข้าศึก คือ การทำให้ยูเครนได้รับความเสียหายมากที่สุด แนะนำให้ชาวยูเครนสร้างขวัญและกำลังใจให้เข้มแข็งพอเพื่อเอาชนะการยั่วยุในลักษณะต่างๆจากรัสเซีย การแถลงของนายเซเลนสกี มีขึ้นก่อนวันฉลองวันเอกราชของยูเครน 24 สิงหาคมนี้ ซึ่งครบ 6 เดือนนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครน
#สหรัฐฯและพันธมิตร
#หารือสถานการณ์ยูเครน
#โรงไฟฟ้านิวเคลียร์