การคาดการณ์โควิด-19 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19(ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวางเป้าหมายให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิด-19 อย่างปลอดภัย ดำเนินชีวิตได้ตามปกติ เนื่องจาก โควิด-19 จะคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ เจอผู้ป่วยทั้งปี เน้นย้ำเรื่องการพากลุ่มเสี่ยงไปฉีดวัคซีน ทั้งผู้สูงอายุ 608 คนที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ คนที่มีโรคร่วม เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต
เส้นการคาดการณ์พบว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่ำกว่าเส้นสีเขียว
แต่ผู้ป่วยอาการหนักใส่ท่อช่วยหายใจกลับไปแตะที่เส้นสีแดง ซึ่งความเสี่ยงยังอยู่ในกลุ่มป่วย 608 ที่เป็นการติดเชื้อถึงปอด ขณะที่ผู้เสียชีวิตก็อยู่ในเส้นสีแดงเช่นกัน
จากข้อมูลย้อนหลัง พบว่า ผู้เสียชีวิตยังอยู่ในกลุ่ม 608 ที่มีโรคร่วม ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือ ฉีดไม่ครบ และที่สำคัญไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ถามว่า การที่คนไม่ไปฉีดวัคซีนเพราะกลัวผลอาการข้างเคียงหรือไม่ ขอชี้แจงว่า ขณะนี้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 142 ล้านกว่าโดส พบผู้เสียชีวิต อยู่ที่ 6 ราย เช่นเดิม เป็นตัวเลขที่ไม่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลเมื่อวันที่ 16 ส.ค.65 พบว่า การติดเชื้อที่ลดลง พบใน 33 จังหวัด เช่น ยโสธร มหาสารคาม เลย และ อุดรธานี เป็นต้น
ขณะที่ 44 จังหวัด รวมกรุงเทพฯ พบการติดเชื้อกลุ่มเล็ก ๆ และจังหวัดที่เส้นกราฟมีแนวโน้มสูงขึ้น เช่น สมุทรปราการ นครปฐม นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ตาก เป็นต้น
อัตราการครองเตียง 14.8% ไม่เกินศักยภาพที่กระทรวงสาธารณสุข ดูแลอยู่ ส่วนคนที่ติดเชื้อยังต้องติดตามภาวะลองโควิด ทั้งร่างกายและจิตใจ ในต่างประเทศมีคณะกรรมการมาติดตามเรื่องนี้โดยเฉพาะ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เสนอเรื่องการประเมินสถานการณ์และความเสี่ยงในการป้องกัน โดยพบว่า การติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ BA.5 มีอาการไม่รุนแรง อัตราการเสียชีวิตไม่สูง เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตา และโอไมครอน สายพันธุ์BA.1และ BA.2 ประกอบกับภูมิคุ้มกันของคนไทย เมื่อเดือนเม.ย.65 และ พ.ค.65 สูงถึง 90% ประสิทธิผลของการใช้วัคซีนจริง การฉีดสามเข็มในทุกสูตร สามารถป้องกันความรุนแรงของโรค ลดการเสียชีวิตได้ถึง90% ไม่น้อยกว่า 6เดือน
ส่วนการสำรองยาในประเทศ
-ยาฟาวิพิราเวียร์ คงเหลือ 5 ล้านเม็ด
-ยาโมลนูพิราเวียร์ 6.76 ล้านเม็ด
-ยาเรมเดสซิเวียร์ 3.8 หมื่นโดส ซึ่งมีความเพียงพอ โดยการใช้ยาในภาพรวม พบว่าแนวโน้มลดลง นั่นหมายถึงความเข้าใจของประชาชนดีขึ้นว่าการติดเชื้อไวรัส สามารถหายได้เอง เป็นการเก็บยาไว้ใช้ ให้คนที่จำเป็นจริงๆ
สำหรับการเตรียมพร้อมเรื่องยา กระทรวงสาธารณสุข นำเสนอเรื่องนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เร่งรัดการขึ้นทะเบียนยา ขณะที่ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ก็เตรียมสำรองยา ส่วนกองทุนก็เตรียมบริหารจัดการค่ายาและการกระจายยาไปยังคลินิกเวชกรรม ซึ่งในวันที่ 1ก.ย.65 หน่วยบริการนอก กระทรวงสาธารณสุข สามารถจัดซื้อยาได้เอง ขณะที่ ร้านขายยาก็สามารถจ่ายยาให้ผู้ป่วยได้ตามใบสั่งแพทย์ ส่วนหน่วยบริการในกระทรวงสาธารณสุข สามารถเริ่มจัดซื้อยาได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 เพื่อความคล่องตัวในการสำรองยาและการจัดซื้อยาด้วยตนเองตามความต้องการของหน่วยงาน
#โควิด19
CR:ภาพศูนย์ข้อมูล COVID-19