ผู้นำจีนขอให้ 6 มณฑลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น สร้างรายได้ให้ประเทศ

          หลังนโยบายลดผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 เหลือ 0 ของจีน รวมทั้งการล็อกดาวน์ศูนย์กลางการเงินและอุตสาหกรรมกว่า 10 เมืองรวมทั้งนครเซี่ยงไฮ้ กระทบต่อการบริโภคและธุรกิจ ส่งผลให้เศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก หดตัวร้อยละ 2.6 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ อีกทั้งการบริโภคของครัวเรือนและการผลิตสินค้าของโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศจีนลดลงในเดือนกรกฎาคม

          นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีน กล่าวในการประชุมผ่านระบบวิดีโอกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก 6 มณฑลใหญ่ในวันนี้ คือ กวางตุ้ง,เจียงซู,เจ้อเจียง,ชานตง, เหอหนานและเสฉวน ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ สร้างรายได้รวมร้อยละ 40 ของจีดีพีของประเทศ ขอให้พวกเขาจัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น เพื่อผลักดันให้การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนของภาคธุรกิจเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น  

          นายหลี่ ระบุว่า ที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนยังคงฟื้นตัวในเดือนกรกฎาคม แต่การฟื้นตัวยังไม่สม่ำเสมอ คือมีบางจุดที่ยังขึ้นๆลงๆซึ่งมีความจำเป็นที่มณฑลขนาดใหญ่ทั้ง 6 แห่งจะต้องเร่งวางรากฐานที่เข้มแข็งเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างมั่นคงในระยะยาว

          ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางของจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เมื่อวันจันทร์ เพื่อส่งเสริมให้มีการกู้ยืมเงินจากธนาคารให้มากขึ้น โดยธนาคารกลางของจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลงร้อยละ 0.10 จากร้อยละ 2.85 เหลือร้อยละ 2.75

         นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีนอาจจะพลาดเป้าการเติบโตที่ร้อยละ 5 ในปีนี้ และอาจจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ในเดือนมิถุนายนคือร้อยละ 3.1 เป็นผลจากการล็อกดาวน์ศูนย์กลางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนมียอดขายลดลงร้อยละ 28.9 อีกทั้งการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงร้อยละ 12.3 ในเดือนที่แล้ว

#ประเทศจีน

#แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ