หลังศาลล้มละลายกลางอนุมัติแผนฟื้นฟูสหกรณ์ และสั่งให้จัดทำแผนให้แล้วเสร็จภายใน 3-5 เดือนนั้น ในวันนี้นาย เผด็จ มุ่งธัญญา ประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้ประชุมร่วมกับกรมบังคับคดีนานกว่า 2 ชั่วโมงเศษ เพื่อหารือถึงแนวทางการฟื้นฟูนั้น จากการหารือกับกรมบังคับคดีและกรมส่งเสริมสหกรณ์ เห็นตรงกันว่าการบริหารจัดการของสหกรณ์ให้บริหารไปตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ตามเดิม แต่กรมทั้งสองและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะคอยดูแผนการปฎิบัติงานเป็นระยะ โดยจะต้องทำแผนให้แล้วเสร็จใน 3-5 เดือนจากนั้นต้องส่งแผนให้ตัวแทนเจ้าหนี้คือสมาชิกสหกรณ์เห็นชอบอย่างน้อย 2 ใน 3 เสียงจากผู้แทนทั้งหมด ขณะนี้กำลังประสานกับเจ้าหนี้ให้คัดเลือกตัวแทนมาร่วมเป็นผู้ประเมินแผนแล้ว โดยจะมีการแบ่งตัวแทนเจ้าหนี้ออกเป็นกลุ่มตามฐานเงินที่มีอยู่ นายเผด็จเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายจะเห็นชอบด้วยกับแผนฟื้นฟู โดยแผนฟื้นฟูนั้นจะเป็นระยะเดียวซึ่งจะค่อยๆคืนกำไรให้สหกรณ์ฯได้ และแผนต้องมีผลเป็นรูปธรรมใน 5 ปี
ที่ประชุมยังเห็นชอบให้คณะกรรมการ 14 คนในฐานะผู้จัดทำแผนตามคำสั่งศาล เปลี่ยนชื่อเป็นคณะผู้จัดทำแผนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด โดยตัวเองจะเป็นประธาน ขณะที่การหมดวาระในเดือนพฤษภาคมนี้ของสมาชิก 8 ใน 14 คนของคณะผู้จัดทำแผนฟื้นฟู ได้ข้อสรุปว่าจะไม่มีการจับสลากเลือกตั้งในขณะนี้ โดยให้ทั้ง 14 คนเป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟูไปก่อน จนกว่าแผนฟื้นฟูจะมีการบัญญัติถึงการเลือกตั้งและวาระการดำรงตำแหน่งของคณะผู้จัดทำแผนว่าจะให้มีขึ้นเมื่อใด
ส่วนการยื่นแบบฟอร์มคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ด้วยว่าต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ซึ่งจะครบกำหนด 1 เดือนหลังจากลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะมีผู้มายื่นราว 20,000กว่าคน ส่วนประเด็นที่สมาชิกถือหุ้นและกรมบังคับคดีระบุว่า เป็นเจ้าของกิจการ ซี่งจะยื่นเรื่องไม่ได้ในฐานะเจ้าหนี้นั้น ที่ประชุมเห็นร่วมกันให้สมาชิกที่มีหุ้นอยู่นำจำนวนหุ้นทั้งหมดใส่ในแบบฟอร์มคำขอรับชำระหนี้รวมกับบัญชีอื่นๆทั้งหมด และให้พนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้ตัดสิน ส่วนหากมีตัวเลขหนี้ที่ไม่ตรงกันระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ก็คงต้องไปพิสูจน์ในชั้นศาลต่อไป
ด้านมาตรการเยียวยาเจ้าหนี้ นายเผด็จ ระบุว่าต้องไปเป็นตามขั้นตอนและต้องขออนุมัติศาลด้วย เนื่องจากมีความเสี่ยงและยังอยู่ในการควบคุมของศาล โดยขณะนี้สหกรณ์ฯมีเงินสภาพคล่องอยู่เกือบ 1 พันล้าน และกำลังจะได้จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯอีก 5 พันล้านซึ่งกำลังจะนำเข้าคณะรัฐมนตรี โดยสหกรณ์ฯจะนำมาช่วยเสริมสภาพคล่อง ส่วนการดำเนินคดีต่างๆกับผู้ที่เหลือ ระบุว่า ขณะนี้มีคดีอาญาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเป็นผู้รับผิดชอบฟ้องแทน 3 คดีนัดพิจารณาเมษายน เช่นเดียวกับคดีแพ่งอีก 5 คดีที่สหกรณ์เป็นผู้ฟ้อง รวมแล้ว8 คดี โดยทุกคดีมีนาย ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯเป็นจำเลยที่ 1 นอกจากนี้ยังได้ยื่นฟ้องขับไล่นาย ศุภชัย ออกจากสำนักงานอีกคดีด้วย และได้ตั้งหน่วยติดตามทรัพย์ คาดว่าจะสามารถยึดทรัพย์ได้เพิ่มอีก แต่ไม่ขอเปิดเผยขณะนี้ ส่วนในวันนี้ที่ 4 เมษายนนี้จะประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งถึงการจัดทำแผนฟื้นฟูต่อไป