การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่วันที่ 19 ส.ค.นี้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) โรคโควิด-19 ซึ่งปรับการประชุมเป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ได้ประเมินสถานการณ์รายวันและรายสัปดาห์ และแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงมติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่ปรับโรคโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่ง สธ.จะต้องวางแผนการบริหารจัดการโรคโควิด-19 จนถึง ธ.ค.2565 ทั้งเรื่องการควบคุมโรค การดูแลรักษา วัคซีน และการประชาสัมพันธ์ โดยรูปแบบการรักษาจะต้องให้ยารักษาลงไปถึงระดับร้านขายยา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาได้มากขึ้น แต่ยังต้องใช้ใบสั่งแพทย์ไปสั่งซื้อยา
ส่วนระยะเวลาการรักษาผู้ติดเชื้อก็มีการทบทวน จากปัจจุบันที่ใช้การรักษาแยกกัก 7 วันและสังเกตอาการ 3 วัน หรือ 7+3 ที่ประชุมได้พิจารณาปรับแนวทางการรักษาใหม่ให้เป็น 5+5 คือ รักษาแยกกัก 5 วัน และให้เฝ้าระวังสังเกตอาการ 5 วัน ส่วนเรื่องยาโมลนูพิราเวียร์ซึ่งเป็นยาหลักในการรักษา ซึ่งมีเพียงพอ
ด้านนพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การรักษาแบบ 5+5 ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย แต่กลุ่มที่มีอาการมากหรือป่วยหนักที่นอนรักษาใน รพ. ระยะเวลาการรักษาก็จะเป็นไปตามอาการ
#โควิด19
แฟ้มภาพ