อียูและกว่า 40 ประเทศ ขอให้รัสเซียถอนกำลังทหารออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยูเครน

          กลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)และอีก 42 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐฯระบุในแถลงการณ์ร่วม เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของคณะผู้แทนกลุ่มอียูประจำองค์การระหว่างประเทศ(EU Delegation to the International Organizations)ในกรุงเวียนนา ออสเตรีย เมื่อวาน ขอให้รัสเซียสั่งถอนกำลังทหาร ตลอดถึงบุคคลที่ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง ออกไปจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริเซีย ทางภาคใต้ของยูเครนโดยทันที เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าและทางการยูเครนปฏิบัติหน้าที่ในอาณาเขตและอธิปไตยของยูเครนตามที่นานาชาติให้การรับรอง และเปิดโอกาสให้พนักงานที่ปฏิบัติงานประจำโรงไฟฟ้าสามารถปฏิบัติงานโดยปราศจากการแทรกแซงจากบุคคลภายนอก หรือ ไม่ถูกกดดันให้ทำงานหนักเกินสมควร

          แถลงการณ์ร่วม ระบุว่า การที่รัสเซียส่งกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ายังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริเซีย เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ทั้งไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ความมั่นคงและหลักการเรื่องมาตรการความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ซึ่งทุกประเทศที่เป็นสมาชิกของ IAEA ให้คำมั่นจะปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด พร้อมทั้งขอให้ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ(IAEA)เข้าไปตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครนในช่วงโรงไฟฟ้ายังมีความมั่นคงปลอดภัย และเหมาะสมกับสถานการณ์

           ก่อนหน้านี้ นายราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการ IAEA ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีชิ้นส่วนของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริเซียหลุดร่วงลงมา หลังมีการยิงปืนใหญ่โจมตีโรงไฟฟ้าเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งเสี่ยงเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี ทั้งเตือนว่า สถานการณ์บริเวณรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าวเสี่ยงอันตรายทุกชั่วโมง พร้อมเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งประชาชาติมีมติให้ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติจาก IAEA ไปยังยูเครน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โดยด่วน

#อียู

#รัสเซีย

#โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยูเครน

#การสู้รบในยูเครน