หลังจากที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้รับแจ้งจากกรมชลประทานว่า ในวันที่ 11-13 ส.ค.65 มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ทำให้มีน้ำท่าไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น และจากการคาดการณ์ปริมาณน้ำ
-สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ระหว่าง 1,000-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
-แม่น้ำสะแกกรัง Ct.19 อัตรา 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และลำน้ำสาขา อัตรา 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
*จะทำให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณระหว่าง 1,400-1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
*มีความจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นในอัตรา 1,000–1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
*และจะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.20 - 0.60 เมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.65 เป็นต้นไป
*หากมีปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป
เมื่อคืนนี้ (11 ส.ค. 65) เวลา 21.00 น. ปภ. แจ้ง 10 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่
-อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 65 เป็นต้นไป
-จัดเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง
-แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำ ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งทรุด แพร้านอาหาร ท่าเทียบเรือ และเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น
-แจ้งจังหวัดประสานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ
-จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
#10จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา
#กรุงเทพมหานคร
#น้ำสูงขึ้น
#ระบายน้ำท้ายเขื่อน
CR:กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM