*นายกรัฐมนตรีเตรียมเยือนบรูไน/ตร.เตรียมพร้อมประชุมครม.สัญจร/สธ.แก้ปัญหาคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ*

ในวันที่ 25-26 มีนาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะประกอบด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีการต่างประเทศ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะเดินทางเยือนเนการาบรูไนดารุสซาลาม โดยมีกำหนดเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาเลาะห์ พระราชาธิบดีแห่งบรูไน พร้อมหารือทวิภาคีแบบเต็มคณะ

ในวันนี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะไปประชุมแก้ปัญหาหมอกควันที่กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ โดยในการประชุมจะมีเจ้าหน้าที่จากสิงคโปร์ที่ส่งเครื่องบินมาช่วยดับไฟป่า ร่วมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด 8 จังหวัดภาคเหนือ

ด้านแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่าในการเดินทางไปดูงานที่ ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 15-20 มีนาคม ได้หารือกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เช่น เรื่องการจัดสรรคะแนนเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ส่วน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวาณิช ที่ปรึกษาและโฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม ที่เยอรมนีใช้มานานกว่า 66 ปี นอกจากนี้ ระบบการบริหารประเทศยังคล้ายกับไทยหลายเรื่อง เช่น การใช้ระบบ 2 สภา คือ สภาผู้แทน ราษฎร ที่มีส.ส.จากระบบเขต และ ระบบบัญชีรายชื่อที่เลือกจาก 16 มลรัฐ ขณะที่การเลือกตั้ง ส.ส.นั้นจะพบว่าจะมีจำนวน ส.ส.ที่เกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ ประมาณ 5-38 คน ทั้งนี้ในกระบวนการคิดคะแนนนั้นมีผู้ให้ความเห็นว่ามีความซับซ้อน และรายละเอียดถูกกำหนดไว้ในกฎหมายลูก และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะในรัฐธรรมนูญเยอรมนีเขียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้เพียง 3 บรรทัด คือ เน้นให้การเลือกตั้งโปร่งใส อิสระ เป็นธรรม และเป็นการลับ

ส่วนการเตรียมความพร้อมการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรครั้งที่ 1 เมื่อวานนี้ พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7 )ประชุมร่วมกับตัวแทนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจรถไฟ และตัวแทนทหารจากมณฑลทหารบกที่ 15 วางมาตรการเตรียมความพร้อมจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ครั้งที่ 1 ที่ อ.หัวหิน ระหว่างวันที่ 27-28 มีนาคมนี้ ซึ่งจะมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และ เจ้าหน้าที่ปกครอง รวม 2,900 นาย ในการดูแลการจัดประชุม โดยยืนยันว่ายังไม่พบภัยคุกคามใดที่จะเป็นอุปสรรคสำหรับการประชุม  ส่วนกรณีพบวัตถุระเบิดจำนวนบริเวณริมถนนเพชรเกษม เขตพื้นที่ อ.หัวหินนั้น เจ้าหน้าที่ที่ชำนาญด้านวัตถุระเบิด จากกรมสรรพาวุธ ทหารบก และกองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาร่วมกันทำการตรวจสอบ

ด้านศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เตรียมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาคนไทยที่ยังไร้รัฐ ไร้สัญชาติและไร้สิทธิด้านการรักษาพยาบาล โดยจะเสนอให้สิทธิหรือขยายสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุข ของบประมาณสนับสนุนโรงพยาบาลตามแนวชายแดน เพื่อใช้ในการจัดบริการขั้นพื้นฐาน และเสนอกรอบยุทธศาสตร์การจัดการสถานะและสิทธิในการบริการสาธารณสุขของบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิในประเทศไทยในภาพรวมทั้งระบบ เพื่อใช้เป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนระยะยาว และเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการปฏิบัติตามพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ในการจัดหลักประกันสุขภาพแก่ทุกคนบนแผ่นดินไทย

ด้านนางเพ็ญรวี มาแสง รองโฆษกกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า ธนาคารโลกได้จัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 26 จาก 189 ประเทศ และอยู่ในอันดับ 3 ในกลุ่มอาเซียน รองจากประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย และอยู่ในลำดับที่ 6 ของกลุ่มภูมิภาคเอเชีย รองจากประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย เกาหลี และไต้หวัน โดยใช้เกณฑ์พิจารณา 4 เรื่อง คือ ขั้นตอนการดำเนินงานที่ง่ายและสะดวก ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดและไม่แพง การมีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและทันสมัย และมีระยะการดำเนินงานที่มีความรวดเร็ว ซึ่ง ซึ่งในส่วนของกรมบังคับคดีจะมีตัวชี้วัด 2 ด้าน คือ การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง และการแก้ไขปัญหาล้มละลาย โดยกรมบังคับคดีจะปฏิรูปกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน จำนวน 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.... และร่าง พ.ร.บ.ล้มละลาย ฉบับที่ ... เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน นอกจากนั้นได้ประสานไปยังสำนักงานศาลยุติธรรม ให้มีการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องคือ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาทางแพ่ง พ.ศ.... รวมทั้งให้ความสำคัญเรื่องการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดี เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือก ยุติการบังคับคดี โดยเน้นกลุ่มลูกหนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อย หนี้ธุรกิจ เอสเอ็มอี และหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)

ปิดท้ายที่ รายงานของสำนักผู้ตรวจราชการแผ่นดิน ซึ่งพล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงว่า ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ผู้ตรวจการฯ ได้เนินการแก้ไขเรื่องร้องเรียนแล้วเสร็จทั้งสิ้น จำนวน 32,486 เรื่อง จากทั้งหมด 34,864 เรื่อง ส่วนภูมิภาคที่ถูกร้องเรียน มากที่สุดคือ ภาคกลาง 18,089 เรื่อง โดยหน่วยงาน ที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) 5,818 เรื่อง ส่วนแนวคิดเรื่องการควบรวม ระหว่างผู้ตรวจการฯกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) นั้นหากจะควบรวมจริงคงจะมีการประกาศให้มีการกำหนดบทเฉพาะกาลขึ้นมา และต้องดำเนินการปรับปรุงให้ 2 หน่วยงาน เป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อรองรับตามอำนาจหน้าที่ของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ 2 หน่วยงานย่อมมีปัญหาแตกต่างกัน แต่สามารถจะแก้ไขได้

...