สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยของโอไมครอน Center for Medical Genomics ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า เริ่มติดตามโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 ที่พบระบาดในสหรัฐฯ เนื่องจากมีการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) สูงกว่า BA.4/BA.5 และ BA.2.75 ยังไม่พบในประเทศไทย
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ US CDC ปรับให้โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variant of concern) เนื่องจากมีการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากข้อมูลของ CDC พบว่า ผู้ติดเชื้อ BA.4.6 คิดเป็น 4.1% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ (30 ก.ค.65) พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในรัฐไอโอวา แคนซัส มิสซูรี และเนบราสก้า
โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 คล้ายคลึง BA.4 เพียงแต่มีการกลายพันธุ์ที่หนามต่างไปจากโอไมครอนอื่นไป 1 ตำแหน่ง (Spike R346T mutation) ยังไม่มีข้อมูลด้านการหลบภูมิคุ้มกัน หรือการดื้อต่อวัคซีนเจนเนอเรชั่นแรก และเจนเนอเรชั่นสองที่จะมีให้ได้ฉีดกันปลายปีนี้ รวมทั้งยังไม่มีรายงานความรุนแรงของโรคที่แตกต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นอย่างมีนัยสำคัญ
โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 จากอินเดียแม้จะมีการกลายพันธุ์บริเวณหนามไปมากที่สุดถึง 8 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอื่น แต่การระบาดในอินเดียและทั่วโลกกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 ในสหรัฐฯมีการเติบโต-แพร่ระบาดเหนือกว่าทั้ง BA.5 และ BA.2.75
โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า BA.5 ทั่วโลกประมาณ 15% และ BA.5 ในเอเชียประมาณ 28%
โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า BA.2.75 ทั่วโลกประมาณ 12% และ BA.2.75 ในเอเชียประมาณ 53%
#โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย
#โควิด19
CR:Center for Medical Genomics