ปธน.สี เตือน ไบเดน 'อย่าเล่นกับไฟ' หารือทางโทรศัพท์ ท่ามกลางความตึงเครียดเรื่องไต้หวัน

          ทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เมื่อค่ำวานนี้ ( 28 ก.ค.65) เวลา 19.33 น.ตามเวลาไทย เป็นการหารือครั้งที่ 5 ในช่วงที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเกิดความตึงเครียด เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐต้องการรักษาช่องทางการสื่อสารกับจีน ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างสหรัฐฯและจีนในด้านการทหาร เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี

         CNN รายงานว่า ผู้นำทั้งสองคนหารือกันใช้เวลา 2 ชั่วโมง 17 นาที ประเด็นส่วนใหญ่อยู่ที่เรื่องไต้หวัน  เนื่องจาก นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เตรียมเดินทางเยือนไต้หวัน เพื่อไปแสดงจุดยืนให้การสนับสนุน ซึ่งจะถือเป็นประธานสภาฯสหรัฐฯคนแรกในรอบ 25 ปีที่เยือนไต้หวัน จนต่อมารัฐบาลจีน ออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงพร้อมเตือนว่า จีนจะดำเนินมาตรการอย่างเด็ดขาดและหนักแน่นหาก นางเพโลซียังคิดที่จะเยือนไต้หวัน และรัฐบาลสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบผลลัพธ์อย่างรุนแรงที่ตามมาทั้งหมด

         Reuters รายงานอ้างว่า ประธานาธิบดีสี ระบุกับ ประธานาธิบดีไบเดนว่า อย่าเล่นกับไฟ ใครที่เล่นกับไฟก็จะต้องพินาศจากไฟด้วยกันทั้งนั้น หวังว่า สหรัฐฯจะเข้าใจในเรื่องนี้

         เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ได้ประเมินสถานการณ์ที่นางเพโลซี เตรียมเดินทางเยือนไต้หวัน นายลอยด์ เจ. ออสติน ที่สาม (Lloyd J. Austin III) รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนางเพโลซี ให้ประเมินสถานการณ์ให้มีความปลอดภัยด้วย  

        ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯประสานงานอย่างลับๆ โดยให้ นางเพโลซี คิดให้รอบด้าน ถึงผลดีผลเสียที่เกิดจากการเยือนไต้หวันในช่วงเวลานี้  เพราะยังมีความเปราะบางอยู่มาก ในเรื่องความมั่นคงระหว่างไต้หวันและจีน ที่หลายฝ่ายเชื่อว่า นายสีจะเริ่มวางรากฐานการบริหารประเทศให้มั่นคงแข็งแรงก่อนที่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จะเปิดประชุมและเสนอชื่อให้เขาเข้าดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 3 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งอาจจะมีผลให้เกิดปัญหาภูมิศาสตร์การเมืองในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนจะตึงเครียดสูงกว่าปกติ

        นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองคน หารือเรื่อง การแผ่อิทธิพลของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก การแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ และการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน

        ก่อนหน้านี้ คาดการณ์ว่า ผู้นำทั้งสองจะพูดคุยเรื่องความตึงเครียดทางการค้า แต่เรื่องไต้หวันน่าจะเป็นเรื่องหลักที่ผู้นำทั้งสองหารือกัน ปัญหานี้เป็นผลจากรัฐบาลชุดก่อนคือ ยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศสงครามการค้า ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 370,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการผ่อนคลายมาตรการทางภาษีในระยะแรก นายไบเดนมีแผนจะยกเลิกมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมเริ่มสอบสวนกรณีจีนให้การอุดหนุนทางการเงินจำนวนมากแก่ภาคเอกชนจีน ซึ่งสหรัฐฯมองว่าเป็นข้อปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับภาคเอกชนสหรัฐฯ

        การเจรจาครั้งล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีไบเดนและประธานาธิบดีสี มีขึ้นในเดือนมี.ค.65 ซึ่งประธานาธิบดีไบเดน เตือนว่าจีนจะเผชิญกับผลลัพธ์ที่ตามมา หากจีนให้การสนับสนุนรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน

#ไบเดนหารือประธานาธิบดีจีน

CR:CNN,Reuters 

แฟ้มภาพ