ฝีดาษลิง'ระบาดหนักในยุโรปและทวีปอเมริกา' WHO เตรียมตั้งชื่อใหม่ กันทำร้ายความรู้สึกผู้ป่วย

28 กรกฎาคม 2565, 10:18น.


          นพ.เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก(WHO)เปิดเผยว่า ในปัจจุบันโรคฝีดาษลิงซึ่งแต่เดิมเป็นโรคประจำถิ่นในทวีปแอฟริกา แต่ในตอนนี้พบว่าแพร่ระบาดหนักที่สุดในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา พบผู้ป่วยมากกว่า 18,000 คนจาก 78 ประเทศทั่วโลก อยู่ในทวีปยุโรปและทวีปอเมริการวมกันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95 ส่วนใหญ่ระบาดในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย และผู้ป่วยร้อยละ 10 เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย อยู่ในทวีปแอฟริกา



          นพ.เทดรอส แนะนำให้กลุ่มชายรักชาย ลดการเปลี่ยนคู่นอน หรือลดการแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อเพื่อคบหาดูใจกับคนใหม่ๆ เพื่อทำให้ตนเองและคนอื่นปลอดภัย เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะลดการแพร่ระบาด ขณะเดียวกัน นพ.เทดรอส ยังแนะนำไม่ให้มีการสื่อสารเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงในลักษณะตราหน้าหรือเหยียดหยามผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ซึ่งมีอัตราการป่วยสูงร้อยละ 98 ระบุว่าการตราหน้าและเหยียดหยามกลุ่มเสี่ยง เป็นเรื่องอันตรายไม่น้อยกว่าตัวเชื้อไวรัส ทั้งอาจเป็นจุดชนวนให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงหนักกว่าเดิม ดังเช่น การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งขอความร่วมมือให้บริษัทผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ บริษัทเทคโนโลยีและองค์กรสื่อทั่วโลกทำงานร่วมกับ WHO อย่างใกล้ชิด เพื่อนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณชน และป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ



          ด้านนพ.ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินของ WHO กล่าวว่า คณะผู้เชี่ยวชาญอยู่ระหว่างพิจารณาตั้งชื่อโรคฝีดาษลิงใหม่ เพื่อไม่ให้มีการใช้ชื่อนี้ในเชิงทำร้ายความรู้สึกของผู้ป่วยหรือในเชิงเหยียดเชื้อชาติ ทั้งแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น บุคลากรสาธารณสุข และกลุ่มชายที่มีพฤติกรรมชอบเปลี่ยนคู่นอน



          นอกจากนั้น WHO แนะนำกลุ่มเสี่ยงเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลสุขภาพ เตือนว่า หลังรับวัคซีนครบสองเข็มแล้ว อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายจะสูงพอที่จะป้องกันไวรัส ขอให้ประเทศต่างๆที่มีวัคซีนจำนวนมากแบ่งปันวัคซีนแก่ประเทศอื่นๆที่ขาดแคลนวัคซีน คาดว่าทั่วโลกอาจจะต้องใช้วัคซีน 5-10 ล้านโดสสำหรับฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงสูงทุกกลุ่ม



 



#องค์การอนามัยโลก



#โรคฝีดาษลิง

ข่าวทั้งหมด

X