ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ยืนยันไม่เจรจาสันติภาพกับรัสเซีย โดยในการให้สัมภาษณ์กับสื่อวอลล์สตรีทเจอนัล เขากล่าวว่า รัสเซียไม่เข้าใจภาษาของการทูต ซึ่งเป็นการตอบโต้คำกล่าวของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ที่ว่า รัสเซียและยูเครน อาจยุติความขัดแย้งได้ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคม หากยูเครนไม่ถอนตัวจากการเจรจา ซึ่งประธานาธิบดียูเครนเรียกว่าเป็นคำกล่าวที่ “เพ้อเจ้อโดยสิ้นเชิง” เพราะก่อนที่รัสเซียจะเคลื่อนกำลังทหารเข้าสู่ยูเครน เขาพยายามเจรจากับประธานาธิบดีปูตินแล้ว แต่ผู้นำรัสเซียปฏิเสธการเจรจา
และหลังจากที่มีการสู้รบยืดเยื้อมานาน 5 เดือน ยูเครนต้องการให้รัสเซียยุติการยึดครองดินแดนทั้งหมด ก่อนที่จะมีการเจรจาใดๆ แต่ผู้นำยูเครน เชื่อว่า รัสเซียจะไม่มีวันหยุดยึดดินแดนยูเครน เพราะก่อนหน้านี้ รัสเซียเข้ามายึดครอง 2 ภูมิภาคของยูเครน จากนั้นก็กล่าวว่าหยุดความขัดแย้ง ซึ่งสถานการณ์จะสงบลง แต่ในอีก 2 หรือ 3 ปี ก็จะกลับมายึดอีก 2 ภูมิภาคและพูดอีกครั้งว่ายุติความขัดแย้ง และเหตุการณ์นี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะยึดครองดินแดนทั้งหมดของยูเครน
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยว่า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัสเซียและยูเครนสามารถบรรลุข้อตกลงได้แล้ว สิ่งเดียวที่ต้องทำคือลงนาม เพื่อเป็นการสนับสนุนข้อตกลงนี้ ทหารรัสเซียได้ถอนกำลังออกจากยูเครนตอนกลาง จากกรุงเคียฟ แต่ทางการยูเครนปฏิเสธที่จะสนับสนุนข้อตกลง ทั้งยังไม่มีความปรารถนาที่จะสร้างสันติภาพ จนถึงขณะนี้
กองทัพรัสเซีย บุกรุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งในอีก 4 วันถัดมา รัสเซียและยูเครน เริ่มการเจรจาสันติภาพครั้งแรก และมีการประชุมอีกหลายครั้ง ทั้งแบบพบปะกันและการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จนถึงในช่วงปลายเดือนมีนาคม คณะผู้แทนจากรัสเซียและยูเครนได้พบกันอีกครั้งที่อิสตันบูล แต่หลังจากนั้นการเจรจาก็หยุดชะงักไปโดยสิ้นเชิง
...
#ยูเครน
#ไม่เจรจาสันติภาพ