น้ำมันโลกพุ่งแรง! ได้ปัจจัยหนุนจากเฟด จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 1%-ดอลลาร์อ่อนค่า

          ราคาน้ำมันในตลาดโลก ปิดตลาดเมื่อคืนนี้(18 ก.ค.65) ปรับพุ่งแรง

-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือน ส.ค.65 เพิ่มขึ้น 5.01 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนก.ย.65 เพิ่มขึ้น 5.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

*น้ำมันตลาดสิงคโปร์ ลดลง 31 เซนต์ ปิดที่ 145.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          เมื่อวันศุกร์(15ก.ค.65) เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) 2 คน ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.75% ในการประชุมระหว่างวันที่ 26-27 ก.ค.65 หลังรายงานข่าวก่อนหน้านี้ที่ว่าเฟดกำลังพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย 1% ทำให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วฉุดตลาดปรับลดลงอย่างหนัก

          ตลาดน้ำมัน ยังได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจากระดับแข็งค่าสุดในรอบหลายปีเมื่อวันจันทร์(18ก.ค.65) ดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายด้วยดอลลาร์ มีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ

          ตลาดยังติดตามปัจจัยอื่นๆ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ไม่สามารถโน้มน้าวให้สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน หลังเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว   

          ขณะที่ยุโรปเตรียมรับมือวิกฤตพลังงาน โดยตลาดกำลังจับตาว่ารัสเซียจะกลับมาส่งก๊าซธรรมชาติผ่านทางท่อส่ง Nord Stream 1 หลังวันที่ 21 ก.ค.65 หรือไม่ หลังจากบริษัท Nord Stream AG ประกาศปิดท่อส่ง Nord Stream 1 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.65 เพื่อทำการซ่อมบำรุงจนถึงวันที่ 21 ก.ค.65 โดย Nord Stream 1 เป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมายังเยอรมนีผ่านทางทะเลบอลติก

         นายเคล้าส์ มูลเลอร์ ผู้อำนวยการ Bundesnetzagentur ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมพลังงานของเยอรมนี เชื่อว่ารัสเซียจะยังคงระงับการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป แม้ Nord Stream 1 เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงในวันที่ 21 ก.ค.65 ทั้งนี้ หากยุโรปเผชิญวิกฤตพลังงานจากการที่รัสเซียยกเลิกการส่งก๊าซธรรมชาติผ่านท่อส่ง Nord Stream 1 รัฐบาลเยอรมนีก็จะประกาศยกระดับภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานสู่ระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ขณะที่ Bundesnetzagentu จะทำการปันส่วนการใช้ก๊าซภายในประเทศ

         ส่วนบ้านเรา นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ปรับลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.65 แต่ยอมรับว่าเป็นการปรับขึ้น/ลงรวดเร็วผันผวนมาก ไม่สามารถประเมินแนวโน้มในระยะข้างหน้าได้ ซึ่งถ้าไม่มีปัจจัยอะไรเข้ามากระทบ ก็คาดว่าราคาน้ำมันตลาดโลกน่าจะทรงๆ อยู่ในระดับนี้ต่อไป

         ผลจากการที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง

-กองทุนมีภาระการอุดหนุนราคาดีเซลลดลงไปเกือบ 10 บาท/ลิตร จากที่เคยอุดหนุนสูงสุดเกือบ 12 บาท/ลิตร เหลือ 3.82 บาท/ลิตร คิดเป็นเงินที่กองทุนใช้อุดหนุนราคาน้ำมันลดลงเหลือ 236.63 ล้านบาท/วัน หรือประมาณ 7,336 ล้านบาท/เดือน

-อุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ลดลงเหลือ 44.71 ล้านบาท/วัน หรือประมาณ 1,386 ล้านบาท/เดือน รวมเป็นการแบ่งเบาภาระการอุดหนุนของกองทุนลดลงไปเป็นหมื่นๆ ล้านบาทต่อเดือน

         นอกจากนี้ กองทุนยังมีเงินฝากในธนาคารและที่กระทรวงการคลังรวมประมาณ 4,244 ล้านบาท ทำให้มั่นใจได้ว่ากองทุนยังมีสภาพคล่องสามารถดูแลเสถียรภาพราคาดีเซลให้อยู่ที่ลิตรละ 34.94 บาท ไม่เกินลิตรละ 35 บาท ต่อไปได้ตลอดเดือนก.ค.65 ประกอบกับเมื่อเงินสนับสนุนเป็นกรณีพิเศษเพื่อช่วยเหลือประชาชนเป็นการเร่งด่วนจากสถานการณ์วิกฤตพลังงานวงเงิน 3,000 ล้านบาท ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้ามาในระบบจะช่วยแบ่งเบาภาระการอุดหนุนของกองทุนลงได้อีกเดือนละ 1,000 ล้านบาท เป็นเวลา 3 เดือน

         ปัจจุบันประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 17 ก.ค.65 ติดลบ 112,935 ล้านบาท ซึ่งเป็นการติดลบในอัตราที่น้อยลงจากก่อนหน้านี้ แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 74,162 ล้านบาท และบัญชีแอลพีจี ติดลบ 38,773 ล้านบาท

#น้ำมันโลกพุ่ง

แฟ้มภาพ