การรับมือสถานการณ์น้ำ ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำ (กทม.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
ดร.ทวีศักดิ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (18 ก.ค. 65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 41,832 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 55 ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 34,253 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 9,792 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 15,079 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว มีฝนตกในหลายพื้นที่ ซึ่งส่งผลดีต่อปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและแม่น้ำสายหลัก กรมชลประทาน จึงได้ปรับลดการระบายน้ำจากทางตอนบน และใช้อาคารชลประทานในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ตอนกลาง พร้อมเร่งการระบายน้ำส่วนเกินในพื้นที่ตอนล่างเพื่อควบคุมค่าความเค็มให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้การบริหารจัดการน้ำในช่วงที่ผ่านมาเป็นไปตามแผนที่กำหนดและสอดคล้องกับสถานการณ์
นอกจากนั้น ได้กำชับให้โครงการชลประทาน และสำนักเครื่องจักรกลทั่วประเทศ เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนช่วงปลายสัปดาห์ บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำค่อนข้างมากให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ พิจารณาปรับการระบายให้เหมาะสมกับสถานการณ์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ
ร่วมบูรณาการกับอาสาสมัครชลประทาน กลุ่มผู้ใช้น้ำ ช่วยกันตรวจสอบอาคารชลประทาน ประตูระบายน้ำให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งหมั่นกำจัดวัชพืชอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญให้ปฏิบัติตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 65 ทั้ง 13 มาตรการ ตามที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.) กำหนดอย่างเคร่งครัด
สภาพอากาศ ในช่วงวันที่ 18-19 ก.ค. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออก ส่วนในช่วงวันที่ 20–24 ก.ค. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
#กรมชลประทาน